รัฐบาลญี่ปุ่นได้นำเสนอนโยบายต่อที่ประชุมพรรครัฐบาลในวันนี้ (12 มี.ค.) โดยระบุว่า รัฐบาลมีแผนจะเพิ่มการส่งออกข้าวเกือบ 8 เท่า สู่ระดับ 350,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 9.22 หมื่นล้านเยน (623 ล้านดอลลาร์) ในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี 2567
แผนการเพิ่มการส่งออกข้าวด้วยการเพิ่มผลผลิตข้าวนั้น ยังเป็นวิธีการรักษาระดับอุปทานข้าวให้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศอีกด้วย แม้ว่าปัจจุบันญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาขาดแคลนข้าวภายในประเทศ แต่คาดว่าอุปสงค์ในระยะยาวจะลดลงเนื่องจากจำนวนประชากรลดลง ดังนั้น การเพิ่มการส่งออกจึงเป็นประเด็นที่มีความสำคัญ
ร่างแผนการเกษตรขั้นพื้นฐานระยะกลางถึงระยะยาวระบุว่า รัฐบาลยังคงเป้าหมายเพิ่มอัตราการพึ่งพาตนเองด้านอาหารสู่ระดับ 45% ในปี 2573 โดยพิจารณาจากปริมาณแคลอรี่ในอาหาร จากระดับ 38% ในปีงบประมาณ 2565
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ร่างแผนการเกษตรขั้นพื้นฐานที่ปรับปรุงทุก ๆ 5 ปีโดยประมาณ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มผลผลิตข้าว นอกเหนือจากการเพิ่มการส่งออกข้าว พร้อมกับชี้ว่าความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และจำนวนเกษตรกรในประเทศที่ลดลงนั้น ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของการผลิตและอุปทานอาหารในประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารโดยรวมจาก 1.5 ล้านล้านเยนในปี 2567 สู่ระดับ 5 ล้านล้านเยนในปี 2573 พร้อมกับกระตุ้นการจับจ่ายซื้ออาหารของนักท่องเที่ยวขาเข้าจาก 1.6 ล้านล้านเยน สู่ระดับ 4.5 ล้านล้านเยน
ในส่วนของการผลิตข้าวนั้น แผนดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนเกษตรกรที่ทำนาบนพื้นที่ 15 เฮกตาร์ขึ้นไป และลดต้นทุนการผลิตลงจาก 11,350 เยน สู่ระดับ 9,500 เยน ต่อ 60 กิโลกรัม เพื่อแข่งขันกับข้าวนำเข้าที่มีราคาถูกกว่า