ผลสำรวจภาคเอกชนที่เผยแพร่ในวันนี้ (24 มี.ค.) ระบุว่า ภาคการผลิตของญี่ปุ่นส่งสัญญาณชะลอตัวรุนแรงในเดือนมี.ค. สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นจาก au Jibun Bank ที่ร่วงลงมาอยู่ที่ 48.3 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 49.0 ในเดือนก.พ. นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าระดับ 50.0 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ตัวเลขดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการสั่งซื้อวัตถุดิบและการลดระดับสินค้าคงคลังของบริษัทต่าง ๆ
ด้านภาคบริการก็ไม่สู้ดีนัก โดยหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นของญี่ปุ่นจาก au Jibun Bank ที่ลดลงมาอยู่ที่ 49.5 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 53.7 ในเดือนก.พ.
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของญี่ปุ่นจาก au Jibun Bank ก็ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 48.5 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 52.0 ในเดือนก.พ. โดยหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนเช่นกัน
ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจญี่ปุ่นยังทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2563 อันเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และความไม่แน่นอนของการค้าโลก
นักวิเคราะห์จาก S&P Global Market Intelligence ระบุว่า เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับความกังวลเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ปัญหาสังคมผู้สูงวัย กำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอ และความไม่แน่นอนของการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ล้วนฉุดรั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนในเดือนมี.ค. ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยต้นทุนการผลิตรวมในทั้งสองภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาขายขึ้นตามไปด้วย