สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยวันนี้ (26 มี.ค.) ว่า อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ประจำปีของออสเตรเลียชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.4% ในเดือนก.พ. ลดลงจาก 2.5% ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะทรงตัว
การชะลอตัวนี้มีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาค่าไฟฟ้าเนื่องจากเงินอุดหนุนของรัฐบาลในรัฐวิกทอเรีย และการชะลอตัวของเงินเฟ้อในภาคที่อยู่อาศัย ซึ่งรวมถึงค่าเช่าและต้นทุนที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ ขณะที่ดัชนี CPI รายเดือนทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนม.ค.
อย่างไรก็ตาม มาตรวัดเงินเฟ้อพื้นฐาน (trimmed mean) ชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อยสู่ระดับ 2.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี จาก 2.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านราคาพื้นฐานอาจยังคงมีอยู่
แม้เงินเฟ้อในภาคบริการ เช่น ค่าอาหารในร้านอาหารและอาหารสั่งกลับบ้าน จะชะลอตัวลงมาอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2-3% แล้ว แต่ค่าใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ เช่น ค่าเบี้ยประกัน ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเพิ่มขึ้นถึง 7.9% เมื่อเทียบรายปี
นักวิเคราะห์บางส่วนยังคงมองสถานการณ์ด้วยความระมัดระวัง โดยรัสเซล เชสเลอร์ จาก VanEck กล่าวว่า "เรายังไม่เชื่อว่าปัญหาเงินเฟ้อได้ถูกจัดการจนหมดสิ้นแล้ว" โดยชี้ว่ามาตรการในงบประมาณล่าสุดของรัฐบาลอาจมีส่วนกระตุ้นเงินเฟ้อได้เล็กน้อย
ตลาดมีปฏิกิริยาต่อข้อมูลดังกล่าวค่อนข้างจำกัด โดยเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเล็กน้อย ขณะที่ตลาดยังคงคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ราว 70% ที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ RBA ซึ่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ได้แสดงท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม โดยมีความกังวลว่า ตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานไม่ชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมายได้ตามที่ต้องการ