สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เปิดเผยรายงานประจำเดือนฉบับล่าสุดในวันนี้ (15 เม.ย.) ว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีนี้คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 730,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการปรับลดลงอย่างมากจากตัวเลขคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนก่อนที่ 1.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ท่าทีดังกล่าวของ IEA ตอกย้ำภาพแนวโน้มความต้องการน้ำมันที่อ่อนแรงลง อันเป็นผลพวงโดยตรงจากมาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ส่งผลสะเทือนให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งตัวลงอย่างหนักในเดือนนี้
"ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ดูย่ำแย่ลง ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราต้องปรับลดคาดการณ์การเติบโตของความต้องการน้ำมันในปีนี้" IEA ชี้แจง พร้อมเสริมว่า "การปรับลดครั้งนี้ราวครึ่งหนึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและจีน ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจในเอเชียที่พึ่งพาการค้าเป็นหลัก"
ในการประเมินแนวโน้มสำหรับปี 2569 เป็นครั้งแรก IEA คาดการณ์ว่าการเติบโตของความต้องการน้ำมันโลกจะชะลอตัวลงไปอีก เหลือเพียง 690,000 บาร์เรลต่อวัน
การปรับลดคาดการณ์ปี 2568 ของ IEA ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกันไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 เม.ย.) อย่างไรก็ดี การปรับลดของ IEA รุนแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
โอเปกปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2568 และปี 2569 ลงมาอยู่ที่ 1.30 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 1.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ซึ่งทั้งสองตัวเลขลดลงจากที่คาดไว้เมื่อเดือนก่อนหน้า 150,000 บาร์เรลต่อวัน
แม้มีการปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมัน แต่โอเปกยังเชื่อว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะยังเพิ่มขึ้นต่อไปในระยะยาว ซึ่งแตกต่างจากมุมมองของ IEA ที่เชื่อว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะแตะจุดสูงสุดภายในไม่กี่ปีนี้ เพราะโลกกำลังหันไปใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น