สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานในวันนี้ (21 เม.ย.) ว่า อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าในเดือนมี.ค. อยู่ที่ 4.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดในรอบสี่เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2567 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 2.64 พันล้านดอลลาร์
สำหรับยอดส่งออกในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.16% แตะที่ระดับ 2.325 หมื่นล้านดอลลาร์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.40% ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 5.34% แตะที่ระดับ 1.892 หมื่นล้าดนอลลาร์ น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.6%
ยอดส่งออกของอินโดนีเซียฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุด อย่างไรก็ดี คาดว่าในไม่ช้านี้การส่งออกของอินโดนีเซียจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการค้าโลกที่ซบเซาลงเนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียในอัตรา 32%
รัฐมนตรีหลายคนของอินโดนีเซียเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ด้วยความหวังว่าจะสามารถเจรจาข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนผันการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน