สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันนี้ (23 เม.ย.) พบว่า ยอดการกู้ยืมของรัฐบาลสหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างรายจ่ายกับรายรับจากภาษีในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2568 อยู่ที่ 1.519 แสนล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นถึง 2.07 หมื่นล้านปอนด์จากปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับค่าจ้างและสวัสดิการ
ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่หน่วยงานคาดการณ์ของรัฐบาลคาดไว้ที่ 1.373 แสนล้านปอนด์อย่างมีนัยสำคัญ และถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเป็นอันดับสามเป็นประวัติการณ์
แกรนท์ ฟิตซ์เนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ONS ชี้แจงว่า แม้รายรับจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่รายจ่ายกลับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า โดยสาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นค่าจ้างและสวัสดิการที่สูงขึ้น
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ หนี้สาธารณะของ UK ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับมูลค่าผลผลิตทางเศรษฐกิจประจำปี ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยปรากฏนับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2500
ONS ระบุว่า เฉพาะเดือนมี.ค.เพียงเดือนเดียว ยอดการกู้ยืมอยู่ที่ 1.64 หมื่นล้านปอนด์ ถือเป็นตัวเลขของเดือนมี.ค.ที่สูงสุดเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลรายเดือนในปี 2536
ภาวะการกู้ยืมที่สูงขึ้นนี้ทำให้นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเริ่มส่งสัญญาณว่า รัฐบาลอาจต้องพิจารณาปรับลดค่าใช้จ่ายและขึ้นภาษี เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกรอบวินัยทางการคลังที่ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลัง UK ได้ประกาศไว้
ด้านดาร์เรน โจนส์ รัฐมนตรีช่วยคลังยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีทางดำเนินการอย่างหละหลวมกับการคลังสาธารณะ และย้ำว่ากฎเกณฑ์ด้านการกู้ยืมนั้นไม่สามารถต่อรองได้ พร้อมระบุว่ากำลังมีการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินภาษีอย่างละเอียดเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี เพื่อขจัดความสิ้นเปลือง