ข้อมูลบนเว็บไซต์ cqcoal.com ระบุว่า ที่ท่าเรือชิงหวงเต่า สต็อกถ่านหินขยับขึ้น 0.57% เมื่อเทียบรายสัปดาห์ แตะ 6.94 ล้านตัน ขณะที่ท่าเรือชาวเฝยเตี้ยนเพิ่มขึ้น 0.53% เทียบรายปี แตะ 5.68 ล้านตัน ส่วนที่ท่าเรือเทียนจินเพิ่ม 1.41% เทียบรายสัปดาห์ สู่ระดับ 3.377 ล้านตัน และที่ท่าเรือจิงถังร่วงลง 5.45% เทียบรายสัปดาห์ แตะ 4.68 ล้านตัน
ขณะเดียวกันจำนวนเรือที่มาจอดที่ท่าเรือทั้ง 4 แห่งยังอยู่ในระดับต่ำในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. โดยมีเรือมาจอดที่ท่าเรือชิงหวงเต่า 23 ลำ ท่าเรือจิงถัง 12 ลำ ท่าเรือเทียนจิน 8 ลำ และท่าเรือชาวเฝยเตี้ยน 8 ลำ
-- นายซู เหลียง ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมถ่านหินแห่งชาติจีน (CNCA) คาดการณ์ว่าการใช้พลังงานในการผลิตเหล็กจะลดลง โดยคาดว่าจะใช้ถ่านหินมาตรฐานราว 590 กิโลกรัมในการผลิตเหล็ก 1 ตันในปีนี้
นายซูกล่าวระหว่างการประชุมถ่านโค้กที่เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง ว่า อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กทั่วประเทศจะใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น 1% เทียบรายปี แตะที่ 600 ล้านตันในปีนี้ หลังจากจีนพยายามลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซพิษจากภาคการผลิตเหล็กในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
-- นักวิเคราะห์อาวุโสกล่าวว่า การเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดกับผลิตภัณฑ์โพลีซิลิคอนที่ใช้ทำแผงเซลล์แสงอาทิตย์ซึ่งนำเข้าจากสหรัฐและเกาหลีใต้ จะเป็นประโยชน์ต่อบรรดาผู้ผลิตรายใหญ่ในประเทศจีน เนื่องจากจะทำให้โพลีซิลิคอนที่นำเข้ามีความสามารถในการแข่งขันด้านราคาน้อยลง
การตัดสินใจครั้งนี้จะช่วยลดผลกระทบเชิงลบจากการนำเข้าโพลีซิลิคอนราคาถูกจากต่างประเทศ และบริษัทผู้ผลิตในประเทศโดยเฉพาะบริษัทชั้นนำอย่าง Jiangsu Zhongneng Polysilicon Technology Development Co., Ltd, LDK Solar (LDK.NYSE), China Silicon Corporation Ltd (SINO-SI) และ Daqo New Energy Corp. (DQ.NYSE) จะได้ประโยชน์จากสภาพตลาดที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมโพลีซิลิคอนที่เผชิญกับภาวะกำลังการผลิตสูงเกินไป คงไม่สามารถหลุดพ้นจากขาลงได้ในระยะเวลาสั้นๆ โดยยังต้องอาศัยโซลูชั่นที่สอดคล้องกับตลาดมากกว่านี้รวมถึงการปรับปรุงมาตรการต่างๆเพื่อพัฒนาสภาพตลาดให้ดีขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน