อย่างไรก็ตาม รายได้สุทธิของจีเอ็มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.2 พันล้านดอลลาร์ จากไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ระดับ 1.5 พันล้านดอลลาร์
จีเอ็มระบุว่า การแข่งขันที่ดุเดือดจากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐทำให้จีเอ็มต้องปรับลดราคารถยนต์ในออสเตรเลียและในหลายประเทศของเอเชีย
นายแดน อัมมานน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของจีเอ็มกล่าวว่า กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นใช้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของสกุลเงินเยนในการปรับลดราคารถยนต์ในเอเชีย ซึ่งการอ่อนค่าของเงินเยนเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆนั้น จะทำให้สินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่นมีราคาถูกลงเมื่อจำหน่ายในประเทศอื่นๆ รวมถึงสหรัฐ
ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านยานยนต์ของสหรัฐเปิดเผยว่า จีเอ็มยังคงเป็นค่ายรถยนต์ที่ทำยอดขายสูงสุดในสหรัฐในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. จีเอ็มมียอดขายสูงสุดที่ 1,420,346 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 8% ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์มียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ที่ 1,289,736 คัน พุ่งขึ้น 13.1% และโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปครองยอดขายอันดับ 3 ที่ 1,108,791 คัน เพิ่มขึ้น 6%
ส่วนไครสเลอร์ กรุ๊ปมียอดขายสูงเป็นอันดับ 4 ที่ 886,720 คัน เพิ่มขึ้น 9% ตามด้วยฮอนด้า มอเตอร์ที่ 745,578 คัน เพิ่มขึ้น 6.4% และนิสสัน มอเตอร์ที่ 624,709 คัน เพิ่มขึ้น 8.1%