รายงานประจำปีเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐของไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 1.7% ในปีนี้ และ 2.7% ในปีหน้า ซึ่งต่างก็ลดลง 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.
ไอเอ็มเอฟระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงมีการฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ก็กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดที่อยู่อาศัย บรรยากาศทางการเงินที่ยังคงผ่อนคลาย และความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจากราคาบ้านและราคาหุ้นที่สูงขึ้น
“ปัจจัยดังกล่าวกำลังช่วยชดเชยผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคจากการปรับเปลี่ยนทางการคลังขนานใหญ่ แต่เศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูง"
“นโยบายการคลังจะเป็นปัจจัยถ่วงการเติบโตในปี 2556 อย่างมาก แต่ก็จะลดน้อยลงในปี 2557" โดยระบุว่านโยบายการเงินจะยังคงผ่อนคลาย ขณะที่แผนการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงดำเนินต่อไปในอัตราปัจจุบันจนถึงปลายปีนี้ และหลังจากนั้นอาจจะมีการปรับลดขนาดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปี 2557
ไอเอ็มเอฟตั้งข้อสังเกตว่าผลกระทบจากนโยบายการคลังอาจจะรุนแรงมากกว่าที่คาด และวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่ย่ำแย่ลงจะเป็นปัจจัยถ่วงการขยายตัวของสหรัฐ
ขณะที่เชื่อว่าเฟดมีเครื่องมือหลายประกานในการบริหารจัดการให้นโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกตินั้น ไอเอ็มเอฟเตือนว่ามาตรการแรกๆที่เฟดดำเนินการอาจจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน หากนักลงทุนเร่งระบายการถือครองพันธบัตรสหรัฐเพื่อเลี่ยงการขาดทุนมากขึ้นในอนาคต ความปั่นป่วนในตลาดที่เพิ่มขึ้นนับแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค.เป็นสิ่งที่อธิบายถึงภาวการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟเน้นย้ำว่าการเสริมความแข็งแกร่งทางการคลังควรมีความสมดุลมากขึ้นและเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป การลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า sequester ไม่เพียงแต่จะลดการขยายตัวในระยะใกล้ แต่ยังอาจจะบั่นทอนศักยภาพในระยะกลางผ่านทางการการลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน สำนักข่าวซินหัวรายงาน