ข้อมูลอย่างเป็นทางการซึ่งเปิดเผยเมื่อวานนี้บ่งชี้ว่า ดัชนี CPI ของอังกฤษได้ขยับลงมาอยู่ที่ 2.8% ในเดือนก.ค. หลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนที่ 2.9% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับ 2.7% ในเดือนพ.ค.และจากระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ 2.4% ในเดือนเม.ย.
การปรับตัวลงของดัชนี CPI ในเดือนก.ค.มีสาเหตุมาจากการลดราคาเสื้อผ้าและรองเท้าในช่วงฤดูร้อน โดยราคาเสื้อผ้าได้ปรับตัวลง 3.2% ในเดือนดังกล่าว
นอกจากนี้ การปรับตัวลงของดัชนี CPI ยังมาจากการปรับลดราคาค่าโดยสารเครื่องบินในอุตสาหกรรมสันทนาการและวัฒนธรรม
มาร์ติน เบ็ค นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทแคปปิตอล อีโคโนมิกส์ ในลอนดอนกล่าวว่า “เราคาดว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวลงอย่างยั่งยืนของอัตราเงินเฟ้อในช่วงอีก 2-3 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ยังดูเหมือนว่าแรงกดดันจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) จะอ่อนแรงลง ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนี CPI ปรับตัวลง"
นายเบ็คระบุว่า ค่าจ้างมีอัตราการขยายตัวที่ทรงตัว และในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยจะปรับตัวลงและปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้เงินเฟ้อลดลง
“เราคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงอีก 2-3 เดือนข้างหน้า และมีความเป็นไปได้ที่จะลดลงมาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับ 2% ซึ่งเป็นอัตราเป้าหมายสำหรับช่วงสิ้นปีของธนาคารกลางอังกฤษ" เขาระบุ
ด้านนายเจมส์ ไนท์ลีย์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสในอังกฤษของไอเอ็นจีกล่าวว่า การปรับตัวลงเล็กน้อยของดัชนี CPI มีความสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด พร้อมกับเสริมว่า แนวนโยบายใหม่ของธนาคารกลางอังกฤษจะพุ่งเป้าไปที่อัตราว่างงานที่ระดับ 7% ซึ่งเป็นจุดตัดสินใจในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สำนักข่าวซินหัวรายงาน