FDIC ระบุว่า อุตสาหกรรมธนาคารของสหรัฐมีกำไรเพิ่มขึ้น 7.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 22.6% ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 16 ติดต่อกัน เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทั้งนี้ ประมาณ 54% ของสถาบันที่ FDIC ให้การรับประกันจำนวน 6,940 แห่ง รายงานว่ามีกำเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่สถาบันที่รายงานยอดขาดทุนสุทธิมีจำนวนลดลงจาก 11.3% ในปีก่อนมาอยู่ที่ 8.2%
รายได้สุทธิของทั้งภาคธนาคารอยู่ที่ 1.706 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากรายได้นอกเหนือไปจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายนอกไปจากดอกเบี้ยที่ลดลง และการลดลงของกองทุนสำรองสำหรับหนี้เสีย ในขณะที่ภาคธนาคารได้ตั้งกองทุนสำรองสำหรับหนี้เสียเป็นจำนวน 8.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสดังกล่าว หรือลดลง 39.6% จากปีก่อน
นอกจากนี้ FDIC ยังระบุว่า จำนวนธนาคารที่ประสบปัญหาปรับตัวลดลง 612 ราย มาอยู่ที่ 553 รายในไตรมาสที่ 2 และจำนวนสถาบันที่ล้มละลายจนถึง ณ ขณะนี้อยู่ที่ 20 ราย เมื่อเทียบกับ 40 รายในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2555
มาร์ติน กรึนเบิร์ก ประธาน FDIC กล่าวว่า “ภาพรวมของผลประกอบการได้บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมธนาคาร"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า FDIC ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐสภาสหรัฐในปี 2536 เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบธนาคารของประเทศ ปัจจุบัน FDIC ให้การรับประกันเงินฝากธนาคารและสถาบันเงินฝากภายในประเทศจำนวน 6,940 แห่ง