นายชัสเตอร์กล่าวว่า “ภัยแล้งที่เกิดขึ้นก่อนฤดูในปีนี้ส่งผลให้ผลผลิตในภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมหดตัวลงในไตรมาสดังกล่าว แต่ก็ได้รับการชดเชยจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมบริการ"
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของนิวซีแลนด์ขยายตัว 0.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเช่นเดียวกัน
อุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุดในการผลักดันอัตราการขยายตัวในไตรมาสดังกล่าวก็คือภาคบริการ ซึ่งขยายตัว 2.6% นำโดยการบริการในอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมวิศวกรรม ค้าปลีก และโรงแรม ซึ่งขยายตัว 2.1% ตามมาด้วยอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกอาหารและเสื้อผ้า
แต่อย่างไรก็ดี ภาคการเกษตรหดตัวลง 6.4% นำโดยการปรับตัวลงของผลผลิตนมซึ่งลดลง 10.4% นับตั้งแต่ได้ขยายตัวในระดับสูงสุดในไตรมาสสิ้นสุดเดือนธ.ค. 2555 เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ต่ำส่งผลให้ผลผลิตลดลง
ผลผลิตอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบลดลง 3.8% โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการหดตัวลงของผลผลิตในอุตสาหกรรมปศุสัตว์และน้ำนม ในขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมลดลง 0.1%
กิจกรรมด้านเศรษฐกิจสำหรับตลอดทั้งปีสิ้นสุดเดือนมิ.ย.ขยายตัว 2.7%
นายบิลล์ อิงลิช รัฐมนตรีคลังของนิวซีแลนด์กล่าวว่า การฉุดรั้งการขยายตัวของภัยแล้งเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับคาดการณ์ แต่อย่างไรก็ดี นิวซีแลนด์ยังคงติดกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวในระดับสูงในบรรดาสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD)
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์ยังคงมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่ระดับ 2.5% เมื่อเทียบกับออสเตรเลีย 2.6% สหรัฐ 1.6% แคนาดา 1.4% ญี่ปุ่น 1.3% อังกฤษ 1.5% และอียู 0.5%