นายธีโอดอร์ เอช โมราน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสนอกสัญชาติจากสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (PIIE) เผยว่า แม้ว่าบริษัทสหรัฐจะมีการลงทุนในต่างประเทศมากกว่าที่ต่างประเทศได้เข้ามาลงทุนในสหรัฐ แต่การลงทุนทั้งสองด้านต่างส่งผลดีต่อสหรัฐเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ นายโมรานได้ให้ความเห็นในงานสัมมนาเปิดตัวหนังสือ ซึ่งเขาได้เขียนร่วมกับลินด์เซย์ โอลเด็นสกี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์
อ้างอิงจากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐ บริษัทต่างชาติในสหรัฐให้ค่าจ้างโดยเฉลี่ยมากกว่าบริษัทของสหรัฐในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมการผลิต ค้าส่ง บริการข้อมูล การเงินและประกันภัย
สองนักเศรษฐศาสตร์โต้ "ความกลัวที่ว่าบริษัทต่างชาตินั้นจะจ้างงานในตำแหน่งระดับล่างๆ และให้เงินเดือนน้อยกว่าในสหรัฐนั้นพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด"
ระหว่างปี 2540 - 2552 ค่าใช้จ่ายด้านการขาย จ้างงานและค่าจ้าง ตลอดจนการจัดทำวิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัทในเครือขององค์กรต่างชาติในสหรัฐต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมด
พวกเขาระบุในหนังสือว่า ค่าใช้จ่ายในการจัดทำ R&D ตามบริษัทต่างชาติในสหรัฐนั้นได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง และยังเพิ่มขึ้นไปอีกแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหลังจากที่เกิดวิกฤติทางการเงินก็ตาม
นอกจากค่าใช้จ่ายในการจ้างงานและ R&D การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก
เมื่อบริษัทต่างชาติเข้ามาทำตลาดในประเทศอื่น พวกเขาจะนำเทคโนโลยีการผลิตและขั้นตอนการดำเนินงานใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดในประเทศอย่างท่วมท้น
นายอดัม โพเซน ประธาน PIIE เผยว่า การพูดคุยในเรื่อง FDI ไม่ว่าจะเก็บไว้ภายในใจหรือเปิดเผยออกมา ต่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกและข้อเรียกร้องอย่างผิดๆในด้าน "เศรษฐกิจชาตินิยม" และ "ความรับผิดชอบขององค์กร" โดยหนังสือเล่มนี้จะตอบโจทย์ในประเด็นของ FDI ด้วยรายงานวิเคราะห์ที่มีหลักฐานหนาแน่น อีกทั้งข้อเสนอแนะทางนโยบายที่สร้างสรรค์ สำนักข่าวซินหัวรายงาน