แถลงการณ์ของสมิธฟิลด์ ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ผู้ถือหุ้นกว่า 96% ออกเสียงสนับสนุนการทำข้อตกลงครั้งนี้ ซึ่งจะคิดเป็นสัดส่วนราว 76% ของหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท หรือคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 7.1 พันล้านดอลลาร์ รวมหนี้สิน
สมิธฟิลด์คาดว่าจะเสร็จสิ้นการทำข้อตกลงภายในวันที่ 26 ก.ย.นี้ ซึ่งจะถือเป็นการเข้าซื้อกิจการบริษัทสัญชาติสหรัฐโดยบริษัทสัญชาติจีนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ผู้ถือหุ้นของสมิธฟิลด์จะได้รับเงินสด 34 ดอลลาร์ต่อหุ้นสามัญที่ถืออยู่ และบริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปภายใต้แบรนด์ที่มีอยู่เดิม ในฐานะบริษัทในเครือของ ชวงฮุย อินเตอร์เนชั่นแนล
แลร์รี่ โป๊ป ประธานบริหารของสมิธฟิลด์ กล่าวว่า นี่เป็นการทำข้อตกลงครั้งใหญ่สำหรับผู้ถือหุ้นของสมิธฟิลด์ ตลอดจนเกษตรกรชาวอเมริกัน และวงการเกษตรของสหรัฐ
เขากล่าวว่า การทำข้อตกลงครั้งนี้จะช่วยในเรื่องการเติบโตของธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ โดยธุรกิจของบริษัทยังคงดำเนินไปตามปกติ แถมยังจะดีขึ้นกว่าเดิม
ชวงฮุยได้เห็นชอบเรื่องการทำข้อตกลงเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อต้นเดือนนี้บริษัทก็ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐ (CFIUS) ซึ่งเป็นคณะทำงานของรัฐบาลที่มีหน้าที่พิจารณาความเสี่ยงด้านความมั่นคงของสหรัฐจากการซื้อขายกิจการต่างชาติ
แกรี่ ฮัฟเบาเออร์ นักวิชาการที่สถาบัน Peterson Institute for International Economics กล่าวกับซินหัวว่า แม้จะมีเสียงคัดค้านจากสภาคองเกรส แต่ CFIUS ก็ยังคงดำเนินการตามขั้นตอนในการพิจารณาประเด็นด้านความมั่นคง และอนุมัติการทำธุรกรรมครั้งนี้ในที่สุด
ทั้งนี้ สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐบางรายได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการทำข้อตกลงครั้งนี้ว่าอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงด้านอาหารของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี สมิธฟิลด์ได้ยืนยันกับนักลงทุนและลูกค้าว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะนำผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรของจีนเข้ามายังตลาดสหรัฐเท่านั้น แต่จะเป็นการส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรของสหรัฐ รวมถึงความเชี่ยวชาญไปยังจีน เพื่อตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้นในกลุ่มชนชั้นกลางของจีน โดยทั้งชวงฮุยและสมิธฟิลด์ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลิตผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพสูงต่อไป
แดเนียล โรเซน หุ้นส่วนของโรเดียม กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาในสหรัฐที่มุ่งเน้นธุรกิจจีน กล่าวกับซินหัวว่า ข้อตกลงครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า บริษัทของจีนกระหายที่จะเพิ่มความสามารถของตนเองเพื่อรองรับผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
แดเนียลกล่าวต่อไปว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะขจัดความเชื่อเก่าๆที่ว่า "บริษัทจีนสนใจแต่เรื่องทรัพยากรธรรมชาติ"
ธีโล เฮนมันน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของโรเดียม กรุ๊ป กล่าวในทำนองเดียวกันว่า การลงทุนของจีนในสหรัฐปัจจุบันนี้แสดงให้เห็นว่า บริษัทจีนกำลังเดินหน้ารูปแบบการเติบโตที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคในจีนมากขึ้น โดยมีความสนใจเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค บริการด้านสุขภาพ และสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยี
ด้านชวงฮุยเปิดเผยว่า บริษัทสนใจสมิธฟิลด์เพราะทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แบรนด์ที่อยู่ในระดับชั้นนำ และบริษัทจะได้เรียนรู้อีกมากจากผู้นำในวงการรายนี้
ดังนั้นข้อตกลงครั้งนี้จึงเป็นข้อตกลงที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ประเทศ และยังช่วยยกระดับความสัมพันธ์จีนและสหรัฐ ในขณะที่จีนกำลังสร้างสมดุลให้กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และได้เห็นชอบให้เริ่มการเจรจาทำสนธิสัญญาการลงทุนระดับทวิภาคีกับรัฐบาลสหรัฐ การลงทุนของจีนในสหรัฐจึงไม่ควรเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลเสมอไป แต่ควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี
เกา ปัง จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน