การปิดหน่วยงานรัฐบาลดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2539 หรือในรอบ 17 ปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการงบประมาณของประธานาธิบดีบารัค โอบามาและจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลก
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คาดว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางจำนวนหลายแสนคนจะต้องหยุดงานในทั่วทุกภาคส่วน
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่สำคัญๆ เช่น ความมั่นคงของประเทศและนโยบายการเงินและการคลัง จะยังคงทำงานต่อไป ขณะที่นางเจน ซากิ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กระทรวงจะยังคงออกวีซ่าและให้บริการด้านหนังสือเดินทาง
พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่จะทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินงานอย่างเต็มที่ได้หลังจากวันจันทร์ที่ 30 ก.ย. อันเนื่องมาจากความขัดแย้งในประเด็นการปฏิรูประบบประกันสุขภาพที่ได้รับการผลักดันจากฝ่ายบริหารของปธน.โอบามา หรือที่เรียกกันว่า โอบามาแคร์
เมื่อบ่ายวานนี้ ปธน.โอบามาได้ออกแถลงการณ์ที่ทำเนียบขาว โดยเตือนว่า การปิดหน่วยงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้จริงต่อชาวอเมริกัน
ทางด้านบริษัทไอเอชเอส อิงค์ เผยการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐเพียงบางส่วนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ในขณะเดียวกันผลกระทบรายวันจากการปิดหน่วยงานรัฐก็มีแนวโน้มว่า จะเพิ่มขึ้น หากมีการปิดหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของภาคธุรกิจและผู้บริโภค
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังประเมินกันว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลและหลายหน่วยงาน โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางกว่า 700,000 คนต้องหยุดงาน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม 400,000 คน, กระทรวงพาณิชย์ 30,000 คน, กระทรวงคมนาคม 18,481 คน และกระทรวงพลังงาน 12,700 คน