นายฮิโรมาสะ โยเนคูระ ประธานสหพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) ซึ่งเป็นองค์กรด้านธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นกล่าวว่า “ผมชื่นชมการตัดสินใจดังกล่าวอย่างมาก เนื่องจากเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมาก"
นอกจากนี้ นายโยเนคูระยังชื่นชมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 6 ล้านล้านเยนของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการลดภาษี โดยกล่าวว่า “มีการให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดในหลากหลายด้าน"
เมื่อพิจารณาถึงข้อเรียกร้องของรัฐบาลให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างนั้น นายโยเนคูระกล่าวว่าภาคเอกชนจะปรับขึ้นค่าจ้าง หากการดำเนินงานยังคงปรับตัวดีขึ้นแ ละนำไปสู่การจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชนมากขึ้น
นายยาสึชิกะ ฮาเซกาวะ ประธานสมาคมผู้บริหารภาคเอกชนญี่ปุ่น แสดงมุมมองในงานแถลงข่าวว่า บรรดาบริษัทที่คาดว่าการดำเนินงานทางธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควรพิจารณาการปรับขึ้นค่าจ้างเพื่อหนุนเศรษฐกิจของประเทศ
นายทาดาชิ โอคามูระ ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นกล่าวว่าการเพิ่มอัตราภาษีการบริโภคสู่ระดับ 8% จากปัจจุบันที่ 5% นั้น เป็นสิ่งที่ “ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เพื่อสร้างระบบสวัสดิการสังคมที่ยั่งยืน"
นายโอคามูระยังกระตุ้นรัฐบาลให้ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างรวดเร็ว เพื่อหนุนศักยภาพด้านการแข่งขันของญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นส่วนที่ขับเคลื่อนภาคธุรกิจ
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำภาคธุรกิจในประเทศมีความกังวลเรื่องผลกระทบเชิงลบจากการปรับขึ้นภาษีที่จะมีต่อบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อบรรเทาการหดตัวด้านการบริโภค
นายโนริโอะ สึเอโยชิ ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมฟูกูโอกะ ในเขตคิวชู ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น กล่าวว่า “การขึ้นภาษีเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในภาวะอ่อนแอ จะต้องแบกรับภาระนี้" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน