ปธน.โอบามาแสดงความคิดเห็นดังกล่าวที่บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในเมืองร็อควิลล์ รัฐแมรีแลนด์ ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อพรรครีพับลิกันให้มีการประนีประนอม ขณะที่ความขัดแย้งเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลได้แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วสู่การเผชิญหน้ากันในประเด็นการเพิ่มเพดานหนี้
กระทรวงการคลังสหรัฐคาดการณ์ว่า รัฐบาลกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะไม่มีเงินสำหรับชำระหนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้
ปธน.โอบามาระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับวิกฤตในปี 2554 เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกัน "คัดค้าน" การเพิ่มเพดานหนี้ และอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐได้ถูกปรับลดลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ผู้นำสหรัฐเตือนว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็น "การขาดความรับผิดชอบอย่างยิ่ง" หากรีพับลิกันขู่ที่จะไม่ชำระหนี้ของประเทศ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ และนำไปสู่การเป็นอัมพาตทางเศรษฐกิจ
"ในภาวะการณ์ดังกล่าว เงินบำนาญและมูลค่าบ้านที่ลดลง อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นในด้านต่างๆ อาทิ เงินกู้จำนองและเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ล้วนแต่ก่อความเสี่ยงที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอยที่เลวร้าย"
ทั้งนี้ ปธน.โอบามา ย้ำว่า "จะไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆ" เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ โดยระบุว่า "เพดานหนี้จะช่วยให้กระทรวงการคลังสหรัฐสามารถชำระหนี้ที่สภาคองเกรสสร้างไว้ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการปรับเพิ่มเพดานหนี้ถึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ" ทั้งยังกล่าวอีกว่า สภาคองเกรสได้ปรับเพิ่มเพดานหนี้มาแล้ว 45 ครั้งนับตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ได้บริหารประเทศ