นักเศรษฐศาสตร์หลายรายต่างเห็นตรงกันว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสาม อาจขยายตัว 3.8% เทียบรายปี ซึ่งเท่ากับอัตราขยายตัวที่ 3.8% ในไตรมาสสอง แต่เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสแล้ว นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจีดีพีจะหดตัวลงจากที่ขยายตัว 15.5% ในไตรมาสสอง
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ตัวเลขในไตรมาสสองและสามบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์มีเสถียรภาพมากขึ้น
เซลีน่า หลิง นักเศรษฐศาสตร์จาก OCBC เห็นพ้องกับแนวโน้มดังกล่าว โดยระบุว่าเครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆทั่วโลกกำลังปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเศรษฐกิจยุโรปค่อยๆหลุดพ้นจากภาวะถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็กำลังได้รับแรงหนุนจากนโยบาย "อาเบะโนมิกส์"
เธอกล่าวว่า "แม้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่มั่นคง แต่ก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง" โดยหลิงคาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 2.3% เทียบรายปีในไตรมาสสาม
เธอกล่าวว่า "เราหวังว่าภาคการผลิตจะขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ข้อมูลตัวเลขจะดูน่าผิดหวังก็ตาม"
ทั้งนี้ ผลผลิตภาคการผลิตของสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น 3.5% เมื่อเทียบรายปีในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดเล็กน้อย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากภาคเภสัชกรรมที่อ่อนแอลง
ภาคการผลิตคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของเศรษฐกิจสิงคโปร์
ฟรานซิส ตัน นักเศรษฐศาสตร์จาก UOB กล่าวว่า ภาคบริการยังคงสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสสาม
ด้านซ่ง เส็ง หวุ่น นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร CIMB ระบุว่า วิกฤติชัตดาวน์ของสหรัฐในขณะนี้ ประกอบกับความไม่แน่นอนในการขยายเพดานหนี้อาจเป็นปัจจัยขัดขวางการขยายตัวในไตรมาสนี้
เขากล่าวว่า "ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐบาลสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภค"
มาตรวัดทางเศรษฐกิจต่างๆชี้ว่าจะมีการดีดตัวขึ้นในไตรมาสสี่ทั้งในภาคการผลิตและบริการ อย่างไรก็ตามก็อาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้"
เขากล่าวว่า "เศรษฐกิจอาจถดถอยทางเทคนิคในไตรมาสสี่ หากสภาพแวดล้อมภายนอกเลวร้ายลง" สำนักข่าวซินหัวรายงาน