ก่อนหน้านี้ นางมาริอันนา เลค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของเจพีมอร์แกนเปิดเผยกับนักลงทุนว่า รายได้จากการซื้อขายพันธบัตรและรายได้จากหุ้นของเจพีมอร์แกนในไตรมาส 3 ปีนี้ จะลดลงถึง 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ เจพีมอร์แกน มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นแตะ 6.5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.60 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากระดับ 4.96 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.21 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเจพี มอร์แกน ภายใต้การนำของเจมี ไดมอน ซีอีโอ สามารถทำรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศทบทวนเครดิตของธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ 6 แห่ง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะลดการให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินเหล่านี้ โดยธนาคารที่มีสิทธิถูกลดเครดิตประกอบด้วยโกลด์แมน แซคส์, เจพี มอร์แกน เชส, มอร์แกน สแตนลีย์ และ เวลส์ ฟาร์โก ขณะที่ธนาคารอีก 2 แห่งคือ แบงก์ ออฟ อเมริกา และ ซิตี้กรุ๊ป ถูกประเมินเกี่ยวกับแนวโน้มความไม่แน่นอน