นางลาการ์ดกล่าวในการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกที่เปิดฉากขึ้นที่วอชิงตันเมื่อวันศุกร์ว่า “เรามีความรับผิดชอบในการเปิดกว้างและจับตาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญๆดังกล่าว ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลกในยุคหน้า"
ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟกล่าวว่า ในโลกที่มีหลายขั้วมากขึ้นนั้น สัดส่วนของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของโลกจะเพิ่มขึ้นจากราวครึ่งหนึ่งมามีสัดส่วนอยู่ที่เกือบ 2 ใน 3 ในช่วงทศวรรษหน้า โดยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของชนชั้นกลางในกลุ่มประเทศดังกล่าว
“ทุกวันนี้ เศรษฐกิจโลกไม่ได้เชื่อมโยงกันอย่างธรรมดาๆ แต่เป็นการเชื่อมโยงกันอย่างมาก นี่จะผลักดันการรวมกลุ่มทางการเงิน ซึงจะมีความแน่นแฟ้นและซับซ้อมมากขึ้น"
“การรวมกลุ่มที่แน่นแฟ้นมากขึ้นจะกระตุ้นการขยายตัว แต่ก็จะมีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้สอนบทเรียนที่สำคัญแก่เรา ซึ่งก็คือ การรวมกลุ่มทางการเงินมากขึ้นจะเพิ่มความเป็นไปได้และขนาดของวิกฤตการเงิน" นางลาการ์ดกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น นางลาการ์ดได้เรียกร้องเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายในประเทศต่างๆและไอเอ็มเอฟให้ตั้งเป้าในการ “ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องมือสำหรับป้องกันวิกฤต, เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการรับมือความเสี่ยงในภาคการเงิน, แก้ไขและปฏิรูป, การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับช่วงเวลามากขึ้นเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างกันและผลกระทบระหว่างประเทศต่างๆ ตลอดจนการส่งสัญญาณเตือนที่รวดเร็วและชัดเจนมากขึ้น"