แกลลัพโพลล์ที่ได้มีการเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาชี้ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย Affordable Care Act หรือที่รู้จักกันในชื่อ โอบามาแคร์ โดยผู้ตอบรับแบบสอบถาม 50% ไม้เห็นด้วยกับกฎหมาย ขณะที่อีก 45% เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว แม้ว่า การอนุมัติกฎหมายดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
โพลล์ดังกล่าวเปิดเผยภายหลังจากการเปิดตัวเว็บไซต์ www.healthcare.gov เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเว็บดังกล่าวถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ แต่เว็บดังกล่าวก็ไม่วายต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านเทคนิคต่างๆนานาที่ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถลงทะเบียนได้เรียบร้อย ส่งผลให้สื่อสหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญ และพรรครีพับลิกัน ออกมาวิจารณ์กันเสียยกใหญ่
การต่อสู้ทางการเมืองในเรื่องโอบามาแคร์ระหว่างทำเนียบขาวและสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันนำไปสู่การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนเป็นเวลา 16 วันที่ผ่านมา และทำให้สหรัฐต้องเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้
จากผลการตรวจสอบชี้ว่า ผู้รับจ้างจัดทำเว็บไซต์ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ออกเพราะประสิทธิภาพการทำงานที่ย่ำแย่ ส่งผลให้เกิดคำถามตามมมาเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานของแคทลีน เซเบเลียส รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการ
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เซเบเลียส กล่าวว่า โอบามาไม่ทราบเรื่องปัญหาทางเทคนิคก่อนหน้าที่จะมีการเปิดตัวเว็บไซต์ ซึ่งคิดเป็นเงินภาษีถึง 300 ล้านดอลลาร์
โอบามากล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ทำเนียบขอรับผิดเรื่องปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้น และขอให้อดทน เว็บไซต์ทำงานช้าเกินไป และประชาชนก็ต้องมาติดแหงกอยู่กับขั้นตอนชของการสมัคร ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขอยู่
แต่การกล่าวสร้างความมั่นใจครั้งนี้ ไม่สามารถที่จะเกลี้ยกล่อมรีพับลิกันได้ นายมาร์โก รูบิโอ สมาชิกวุฒิสภาของรีพับลิกัน กล่าวว่า ตนเองวางแผนที่จะใช้กฎหมายที่จะชะลอข้อกำหนดให้ชาวอเมริกันต้องทำประกันสุขภาพ เพื่อที่จะให้รัฐบาลได้มีเวลาแก้ปัญหาเว็บไซต์
แต่กฎหมายฉบับบนี้ก็ยังเป็นกฎหมายในเชิงสัญลักษณ์ นักวิเคราะห์ไม่คิดว่า กฎหมายจะถูกถ่วงรั้งเพื่อที่จะผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากได้
ความขัดแย้งเรื่องโอบามาแคร์ตอกย้ำให้เห็นถึงการปะทะกันต่อไปถึงอนาคตของสหรัฐ สมาชิกพรรคเดโมแครตหัวก้าวหน้าต้องการให้รัฐบาลมีงบมากกว่านี้ ขณะที่รีพับลิกันต้องการใหี้รัฐบาลใช้งบประมาณน้อยลงในช่วงเวลาที่หนี้สินของประเทศที่ 17 ล้านล้านดอลลาร์นั้น เกือบจะเท่ากับผลิตภัณฑฺ์มวลรวมภายในประเทศอยู่แล้ว
ฟอร์ด โอคอนแนล กล่าวกับซินหัวว่า เรื่องนี้ถือว่าใหญ่กว่าโอบามาแคร์ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นการตั้งคำถามว่า วิธีการแก้ปัญหาของรัฐบาลสามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชนชั้นกลางดีขึ้นได้หรือไม่
หากไม่สามารถทำได้ รีพับลิกันก็จะต้องอยู่ในจุดยืนที่ดีกว่าในปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่จะมีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หากโอบามาแคร์สามารถพิสูจน์ได้ถึงความสำเร็จแล้ว การรุกไปข้างหน้ากืถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แต่การที่โอบามาแคร์จะส่งผลสำเร็จได้ ชาวอเมริกันวัยหนุ่มสาวที่สุขภาพก็จำเป็นต้องช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายของชาวอเมริกันที่สูงวัยและป่วย และเมื่อใดที่ชาวอเมริกันไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพมีจำนวนไม่มากนัก แรงจูงใจให้ชาวอเมริกันวัยหนุ่มสาวลงทะเบียนเพื่อซื้อประกันสุขภาพก็จะยิ่งน้อยลง
แมทธิว รัสลิง จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน