นักเศรษฐศาสตร์เอชเอสบีซีเผยแบงก์ชาติจีนไม่ได้คุมเข้มนโยบายการเงิน

ข่าวต่างประเทศ Friday October 25, 2013 13:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักเศรษฐศาสตร์จากเอชเอสบีซีกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น (MMR-Money Market Rate) ของจีนพุ่งสูงขึ้นชั่วคราวเท่านั้น และไม่ได้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางจีนคุมเข้มนโยบายการเงิน

ผลวิจัยของนายฉู หงปิน หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจเอเชียของเอชเอสบีซี และนายซุน จุนเหว่ย นักเศรษฐศาสตร์จากเอชเอสบีซี ระบุว่า ธนาคารกลางจีนไม่มีความจำเป็นต้องคุมเข้มหรือผ่อนคลายนโยบายการเงินภายในช่วงหลายไตรมาสจากนี้ เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อยังไม่รุนแรง และคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาอีก

อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วัน (seven-day repo rate) เพิ่มขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือนที่ 4.67% เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะเดียวกันธนาคารกลางจีนไม่ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดผ่านทางธุรกรรมการซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยนักเศรษฐศาสตร์ทั้งสองกล่าวว่าอาจเป็นเพราะว่าทางธนาคารกลางต้องการชะลอเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซียังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation) ที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะราคาผักและผลไม้พุ่งขึ้นตามฤดูกาล แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงไม่รุนแรง

ข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดเผยในสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่า ราคาบ้านในจีนทะยานขึ้น 9.1% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์และเงินเฟ้อในระดับผู้บริโภค อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ทั้งสองคนกล่าวว่า ทางการจีนมีแนวโน้มที่จะจัดการด้วยการเพิ่มอุปทานบ้าน มากกว่าที่จะคุมเข้มนโยบายการเงิน

ผลวิจัยยังระบุด้วยว่า เงินหยวนที่แข็งค่าต่อเนื่องและกระแสคาดการณ์ระลอกใหม่ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเร็วๆนี้ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้มีเงินไหลเข้ามามากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การควบคุมสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมยังคงเป็นนโยบายสำคัญของธนาคารกลางจีน

นักเศรษฐศาสตร์ทั้งสองคาดว่านโยบายการเงินจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะมีการใช้มาตรการบางส่วนที่มีการปรับอย่างความเหมาะสมเพื่อปรับสมดุลสภาพคล่อง สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ