เขากล่าวว่า "จากความพยายามในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจแทนการออกมาตรการกระตุ้นในระยะสั้น บทบาทความผู้นำของจีนนั้นกำลังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเพื่อก่อให้เกิดรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีความสมดุลและยั่งยืน"
เศรษฐกิจจีนยังคงต้องเผชิญกับกันชนอยู่บ้าง และปัจจัยที่อาจเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามนายบาร์เน็ตมองว่า เศรษฐกิจจีนกำลังตกเป็นภัยเสี่ยงในหลายๆประการ เช่น จำนวนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ปัญหาทางการเงินในหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น อีกทั้งบัญชีงบดุลของภาคเอกชนที่อ่อนแรงลง
การลงทุนคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางการบริโภคที่ปรับตัวลดลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เขากล่าวว่า "หากต้องการย้อนแนวโน้มดังกล่าว รัฐบาลจำเป็นต้องปรับสมดุลการขยายตัวโดยเน้นไปที่การบริโภคแทนการลงทุน"
"การบรรลุเป้าหมายเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมีสมดุลและยั่งยืนมากขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับขั้นตอนการปฏิรูป" เขากล่าว โดยชี้ถึงความสำคัญของการส่งเสริมภาคการเงิน และเปิดภาคบริการให้มีการแข่งขันมากขึ้น
"ระบบการเงินที่อิงตลาดมากขึ้นนั้นจะทำให้ภาคครัวเรือนนำเงินเก็บที่ได้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น" เขากล่าว โดยเสริมว่า การปฏิรูปภาคการเงินนั้นสามารถเพิ่มรายได้ของครัวเรือนได้โดยตรงจากการลงทุน เนื่องด้วยเงินฝากธนาคารที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเดิม
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัว 7.7% ในสามไตรมาสแรกของปีนี้ ชะลอตัวลงจากระดับเลขสองหลักในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงาน