ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐขยายตัว 10.6% ที่ระดับ 1,208,036 คันในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 หรือก่อนที่จะเกิดวิกฤติการเงินโลก หลังจากที่หดตัว 4.2% ในเดือนก.ย. อันเนื่องมาจากวันทำงานที่น้อยกว่า
ขณะที่ยอดขายโดยรวมต่อปีอยู่ที่ 15.23 ล้านคัน ซึ่งทะลุหลัก 15 ล้านคันเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
ยอดขายรถขนาดใหญ่ เช่น เอสยูวี และ กระบะ ทำยอดขายได้ดี หลังจากที่ราคาน้ำมันคงที่
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ยอดขายรถยนต์แทบไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยงานราชการบางส่วนเป็นระยะเวลา 16 วันในเดือนต.ค. แต่ยอดขายในอนาคตอาจได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการที่ชาวอเมริกันชะลอการตัดสินใจซื้อรถอันเนื่องมาจากเหตุชัตดาวน์
เจนเนอรัล มอเตอร์ส เผยว่าบริษัทมียอดขายรถในสหรัฐเพิ่มขึ้น 15.7% แตะ 226,402 คัน นำโดยยอดขายรถขนาดกลางรุ่น Malibu รถขนาดใหญ่ Impala รวมถึงรถกระบะรุ่น Silverado และ Sierra
ยอดขายของฟอร์ด มอเตอร์ ทะยาน 14% ในเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 191,985 คัน ซึ่งเป็นยอดขายเดือนต.ค.ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2547 ขณะที่ไครสเลอร์ กรุ๊ป แอลแอลซี เผยยอดขายเพิ่มขึ้น 11% แตะ 140,083 คันในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นยอดขายเดือนต.ค.ที่ดีที่สุดของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2550 โดยยอดขายรถกระบะรุ่น Ram ของไครสเลอร์ เพิ่มขึ้น 18% สู่ระดับเกือบ 30,000 คัน ด้านรถเอสยูวีรุ่น Dodge Durango ทำยอดขายได้ 5,120 คัน พุ่งขึ้น 59%
อย่างไรก็ตาม ยอดขายทั้งของฟอร์ดและไครสเลอร์ผิดไปจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เล็กน้อย
ด้านยอดขายของค่ายรถญี่ปุ่นนั้น โตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถรายใหญ่สุดของญี่ปุ่น ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 8.8% แตะที่ 168,976 คัน ฮอนด้า มอเตอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 7.1% แตะ 114,538 คัน และนิสสัน มอเตอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 14.2% แตะ 91,018 คัน
ทั้งนี้ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ครองอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยฟอร์ดในอันดับสอง โตโยต้าอันดับสาม ไครสเลอร์ ฮอนด้า นิสสัน ที่อันดับสี่ ห้า และหก ตามลำดับ