นายอีวาน เจ. อาซิส ผู้อำนวยการสำนักงานการรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคของเอดีบีกล่าวว่า “การชะลอปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรของสหรัฐจะช่วยให้เอเชียตะวันออกมีเวลามากขึ้นอีกเล็กน้อยในการสร้างความมั่นใจว่าว่าระบบเศรษฐกิจและการเงินมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะเผชิญกับความผันผวนของตลาดในอนาคต"
รายงาน Asia Bond Monitor ฉบับล่าสุดของเอดีบี ระบุว่า เอเชียตะวันออกยังคงอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน เมื่อสหรัฐปรับลดขนาดของโครงการซื้อพันธบัตรลงในที่สุด และในขณะที่สหรัฐกำลังแก้ปัญหาเพดานหนี้ของรัฐบาล
รายงานดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า กระแสเงินทุนที่ผันผวนทำให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายบริหารจัดการเศรษฐกิจได้ยากมากขึ้น ขณะที่สภาพคล่องที่ตึงตัวมากขึ้นในเร็วๆนี้อาจจะฉุดราคาสินทรัพย์ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอสังหาริมทรัพย์ และส่งผลให้บริษัทการเงินที่ถือครองสินทรัพย์ดังกล่าวจำนวนมากต้องเผชิญความเสี่ยง
แม้มีความไม่แน่นอนในตลาด แต่เอดีบีระบุว่า ตลาดพันธบัตรสกุลเงินภูมิภาคของเอเชียตะวันออกได้ขยายตัว 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส โดยมียอดพันธบัตรที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 7.1 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนก.ย. ขณะที่อินโดนีเซียมีอัตราการขยายตัวสูงที่สุด 3.9% ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ 3.6% และจีน 3%
หากเทียบรายปี ตลาดที่ขยายตัวสูงที่สุดคือเวียดนาม โดยขยายตัว 18.8%, อินโดนีเซีย 16.3%, จีน 14.4%, ฟิลิปปินส์ 12.5% และเกาหลีใต้ 10.4% สำนักข่าวซินหัวรายงาน