นายกรีนสแปนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า “นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำในระยะยาวมีข้อดีหลายอย่างต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ระดับความไม่แน่นอนในระยะยาวเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าในทุกครั้งเท่าที่ผมจำได้"
“ถึงแม้ว่างบดุลของเราจะขยายตัวในระดับที่สำคัญ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีผลกระทบต่อภาคธนาคารในรูปแบบปกติซึ่งเราจะได้เห็นเมื่อปริมาณเงินสำรองเพิ่มขึ้น" เขากล่าว
ทั้งนี้ เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตการเงินเป็นต้นมา และได้ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปทั้งหมด 2 ครั้ง
ปัจจุบัน เฟดได้ใช้โครงการซื้อพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกันซึ่งมีระยะเวลาที่ยาวนานกว่าที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน หรือ QE3 ส่งผลให้งบดุลมีมูลค่าสูงกว่า 3.9 ล้านล้านดอลลาร์
“มีความขัดแย้งทางการเมืองในมิติที่สำคัญระหว่างฝ่ายที่เชื่อว่าการขยายระยะเวลาในการเข้าแทรกแซงของรัฐบาลเป็นเรื่องที่เลวร้ายแต่ธุรกิจไม่สามารถตัดสินใจในขั้นพื้นฐานได้ว่าจะทำอะไรในอนาคต" นายกรีนสแปนกล่าว
นายกรีนสแปนตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เปอร์เซนต์ของเงินสดหมุนเวียนที่ลงทุนในรูปแบบต่างๆ ในสินทรัพย์ด้านทุนอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2481 พร้อมกับเสริมว่า เงินสดหมุนเวียนได้ปรับตัวดีขึ้นในระดับหนึ่งแต่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
“และสิ่งที่เรากำลังจับตาดูก็คือปริมาณเงินที่ไหลบ่าเข้ามาใหม่และผลประโยชน์ทั้งหมด ซึ่งยังไม่มีการลงทุนที่เพียงพอในการใช้เม็ดเงินดังกล่าว" เขาระบุ สำนักข่าวซินหัวรายงาน