รายงาน Annual Energy Outlook สำหรับปี 2557 ของ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐในแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 800,000 บาร์เรล/วัน (bdp) แตะที่ 9.5 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2559 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 9.6 ล้านบาร์เรล/วันที่ทำไว้เมื่อปี 2513
นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดของตลาดพลังงานสหรัฐถึงปี 2583 ว่า การผลิตน้ำมันจะคงที่ และค่อยๆปรับตัวลงหลังปี 2563 ส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายตัว 56% ในระหว่างปี 2555-2583
ทั้งนี้ EIA คาดการณ์ว่า ก๊าซธรรมชาติจะกลายเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาภายในปี 2578 เนื่องจากการผลิตก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดานยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายอดัม ซีมินสกี้ ผู้บริหาร EIA กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าสำหรับการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติได้ช่วยเพิ่มอุปทานในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนปรับเปลี่ยนตลาดพลังงานสหรัฐ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพในการส่งออกก๊าซธรรมชาติของสหรัฐอเมริกา"
“การผลิตก๊าซไฮโดรคาร์บอนที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในประเทศก็ช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันนำเข้าแต่เพียงอย่างเดียว และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติจำนวนมากจะช่วยหนุนผลผลิต" เขากล่าวเสริม
EIA ระบุว่า สหรัฐจะนำเข้าเชื้อเพลิงเหลวลดลงแตะ 25% ของการบริโภคทั้งหมดในประเทศภายในปี 2559 ซึ่งร่วงลงจากระดับ 40% ในปี 2555 เนื่องจากการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่แข็งแกร่งในประเทศ
ทั้งนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐอเมริกาจะยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับในปี 2548 ที่ 6 พันล้านตันจนถึงปี 2583 เนื่องจากการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงาน และยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำในปริมาณมาก สำนักข่าวซินหัวรายงาน