ดัชนีเงินเฟ้อรายเดือนของทีดี ซีเคียวริตี้ส์-เมลเบิร์น อินสติทิวท์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพฤศจิกายน
ขณะที่เมื่อเทียบรายปี ดัชนีเงินเฟ้อของของทีดี ซีเคียวริตี้ส์-เมลเบิร์น อินสติทิวท์ เพิ่มขึ้น 2.7% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนพฤศจิกายน 2556
ทั้งนี้ เงินเฟ้อรายปีอยู่ในกรอบบนของเป้าหมายเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้ตั้งไว้ที่ 2-3%
อย่างไรก็ดี แอนเน็ต บีเชอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำเอเชียแปซิฟิกของทีดี ซีเคียวริตี้ส์ ระบุว่า จำเป็นต้องพิจารณาตัวเลขในเดือนธันวาคมอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเดือนธันวาคมเป็นเดือนที่มีเงินเฟ้อสูงขึ้นตามฤดูกาล
เธอกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยืนยันว่านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่กำลังใช้อยู่นั้นยังคงกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค สินเชื่อที่อยู่อาศัย และราคาบ้าน ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย
"รายงานการจ้างงานล่าสุดได้เพิ่มกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แต่เช่นเดียวกับรายงานตัวเลขจ้างงานของสหรัฐ นั่นคือมีแนวโน้มว่ารายงานการจ้างงานดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว"
"คณะกรรมการของ RBA มีเวลามากพอที่จะประเมินสภาพของตลาดแรงงาน และเรายังคงคิดว่ายังมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้น แต่อาจจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าช่วงเดือนท้ายๆของปี"
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัตราว่างงานทรงตัวที่ 5.8% ในเดือนธันวาคม ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำลดลง 22,600 ราย สู่ระดับ 11,629,500 รายในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นผลมาจากการจ้างงานแบบเต็มเวลาที่ลดลง 31,600 ราย มาอยู่ที่ 8,067,700 ราย ซึ่งบดบังการจ้างงานนอกเวลาซึ่งเพิ่มขึ้น 9,000 ราย อยู่ที่ 3,561,800 ราย