นายโอบามากล่าวว่า "เราต้องทำงานร่วมกันด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ใช้อำนาจในการส่งเสริมการค้าที่เป็นอำนาจร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อปกป้องแรงงานของเรา และเปิดตลาดใหม่ให้สินค้าที่ประทับตรา 'Made in the USA'" และเสริมว่า "จีนและยุโรปไม่ได้ยืนอยู่ในวงนอก เราก็ไม่ควรเหมือนกัน"
เมื่อเดือนที่แล้ว วุฒิสภาสหรัฐได้เสนอกฎหมายที่ให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีในการเจรจาข้อตกลงทางการค้า โดยกลุ่มธุรกิจในสหรัฐคาดหวังว่าโอบามาอาจใช้โอกาสนี้ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนที่กว้างขวางขึ้น และทำให้กฎหมายฉบับนี้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายในสภาคองเกรส
อำนาจในการส่งเสริมการค้า หรือ กฎหมายการค้า "Fast Track" ทำให้สภาคองเกรสต้องโหวตสนับสนุนหรือคัดค้านข้อตกลงทางการค้าที่มีการเสนอขึ้นมา โดยไม่ต้องรอความเป็นไปได้จากการแปรญัตติ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ด้วยอำนาจเช่นนี้ คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับคณะบริหารของโอบามา ในการสรุปการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) และความเป็นหุ้นส่วนทางการค้าและการลงทุนระหว่างแอตแลนติก (Transatlantic Trade and Investment Partnership: TTIP) เพราะสภาคองเกรสอาจปรับแก้ข้อตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ ครั้งล่าสุดที่สภาคองเกรสให้อำนาจการส่งเสริมการค้าแก่ประธานาธิบดีคือในปี 2545 ซึ่งสิ้นสุดไปแล้วในปี 2550 สำนักข่าวซินหัวรายงาน