ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 8.147 หมื่นล้านเยน เทียบกับปีก่อนหน้าที่ขาดทุน 1.6623 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการลดต้นทุนต่างๆ ขณะที่ยอดขายขยายตัว 21.0% แตะ 2.16 ล้านล้านเยน
สาเหตุที่ทำให้บริษัทพลิกกลับมาทำกำไรได้นั้นเป็นเพราะยอดขายแบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น ซึ่งได้อานิสงส์จากมาตรการ Feed-in Tariff (FIT) เพื่อสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ประกอบกับได้แรงหนุนจากยอดจัดส่งจอแอลซีดีให้ผู้ผลิตในจีนและเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับตลอดทั้งปีงบการเงินซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ชาร์ปได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานเป็น 1 แสนล้านเยน จากก่อนหน้านี้ที่ได้คาดการณ์ไว้ 8 หมื่นล้านเยน และปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายเป็น 2.9 ล้านล้านเยน จาก 2.7 ล้านล้านเยน
ในส่วนของผลกำไรสุทธิตลอดทั้งปี ชาร์ปยังคงระดับการประเมินไว้ที่ 5 พันล้านเยน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน