ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวประกอบไปด้วยกรณีศึกษาผู้ส่งออกที่มีผลประกอบการที่ดีจำนวนหลายกรณี
เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 1.9% ในปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบเป็นรายปีและ 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสในไตรมาสที่ 4 นับเป็นการสิ้นสุดภาวะถดถอยเป็นระยะเวลา 2 ปี
สำหรับบริษัทผู้ผลิตหลายราย โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆจะค้นหาได้ในประเทศอื่นๆนอกไปจากสหรัฐและอียูซึ่งเป็นกลุ่มประเทศคู่ค้าดั้งเดิม
ลี ฮ็อพลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า “เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายได้ประชุมในเรื่องความจำเป็นในการฟื้นฟูเสถียรภาพเศรษฐกิจ และมองหาตลาดส่งออกใหม่ๆ"
รายงานระบุว่า ประเทศอุตสาหกรรมยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรกสำหรับสินค้าอังกฤษโดยมีสหรัฐเป็นตลาดรายใหญ่ที่สุด
แต่อย่างไรก็ดี ประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีความสำคัญมากขึ้นถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ โดยจีนซึ่งเป็นตลาดรายใหญ่อันดับที่ 11 ของอังกฤษในปี 2550 ได้ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 7 ในปี 2556 ในขณะที่รัสเซียและอินเดีย (อันดับ 12 และ 14 ตามลำดับ) มีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับแรกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ รายงานยังบ่งชี้ว่า ผู้ผลิตประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศให้ความสำคัญกับประเทศตลาดเกิดใหม่โดยมีบราซิลรั้งอันดับแรกและมีบริษัทไม่ถึง 1 ใน 3 มีแผนส่งออกไปยังบราซิลในช่วงอีก 12 เดือนข้างหน้า
ในขณะที่ยูโรโซนยังคงเป็นตลาดจุดหมายปลายทางอันดับแรกในปี 2556 เกือบ 2 ใน 3 ของบริษัทอังกฤษมีแผนที่จะบุกตลาดเอเชียมากขึ้น โดยครึ่งหนึ่งเล็งไปที่ตะวันออกกลางและ 1 ใน 3 เล็งไปที่แอฟริกาและอเมริกาใต้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน