รายงานของ FDIC ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินออมทรัพย์ที่ได้รับการคุ้มครองโดย FDIC มีผลกำไรรวมกันทั้งสิ้น 4.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2556 ซึ่งเพิ่มขึ้น 16.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ธนาคารได้กันสำรองลดลง 8.1 พันล้านดอลลาร์สำหรับการขาดทุนจากการปล่อยกู้
ส่วนในปี 2556 ผลกำไรของภาคธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 9.6% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.547 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้ในปี 2549 ที่ระดับ 1.452 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธนาคารของสหรัฐมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินในปี 2551
สถาบันการธนาคารที่ได้รับความคุ้มครองของสหรัฐจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 6,891 แห่ง รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่สัดส่วนของสถาบันการเงินที่รายงานว่ามีตัวเลขขาดทุนสุทธิ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 12.2% จาก 15% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนจำนวนธนาคารที่ประสบปัญหานั้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 467 รายในไตรมาส 4/2556 จาก 515 รายในไตรมาส 3 และมีสถาบันการเงินที่ได้รับการคุ้มครองเพียง 2 รายเท่านั้นที่ประสบภาวะล้มละลาย สำหรับปี 2556 นั้น มีสถาบันการเงินที่ได้รับการคุ้มครองล้มละลายทั้งสิ้น 24 ราย เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่ล้มละลาย 51 ราย
นายมาร์ติน เจ. กรุนเบิร์ก ประธาน FDIC กล่าวว่า "แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆแต่สม่ำเสมอของภาคธนาคารที่ดำเนินมานับแต่ปี 2552 นั้น ยังคงมีความต่อเนื่อง"
เขากล่าวเสริมว่า "อย่างไรก็ตาม ภาคธนาคารยังคงเผชิญความท้าทาย ขณะที่มาร์จิ้นกำไรที่ลดลง การปล่อยกู้ที่ขยายตัวเพียงเล็กน้อย และการปรับตัวลงของธุรกรรมการรีไฟแนนซ์สินเชื่อจำนอง ส่งผลให้ธนาคารประสบกับความยากลำบากในการเพิ่มรายได้และศักยภาพในการทำกำไร" สำนักข่าวซินหัวรายงาน