จีนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย แซงหน้าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และในอนาคตมีแนวโน้มว่าจีนอาจมีบทบาทมากขึ้นในฐานะแหล่งนำเข้าสินค้าหลักของไทย
มาตรการลดภาษีนำเข้าเกือบทุกประเภทระหว่างจีนกับอาเซียนเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2553 ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน นับแต่นั้นเป็นต้นมา ไทยก็ถูกกระหน่ำด้วยสินค้าจากจีน โดยยอดนำเข้าสินค้าจากจีนมายังไทยขยายตัว 22.9% ต่อปีตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยอดส่งออกจากจีนมายังอาเซียนคิดเป็นสัดส่วน 16.9% ของยอดส่งออกทั้งหมดของจีนในปี 2556 เพิ่มขึ้นจาก 8.5% ในปี 2546
ในปีนี้สินค้าไทยจะต้องแข่งขันอย่างหนักกับสินค้าจากจีนซึ่งทะลักเข้ามาในไทยและมีราคาถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนในตลาดอาเซียนนั้น สินค้าไทยก็เสียส่วนแบ่งตลาดบางส่วนให้กับสินค้าจีนไปแล้ว ดังนั้นกลุ่มผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวอย่างจริงจัง และต้องพร้อมเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้น เพราะนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากเริ่มย้ายฐานการผลิตจากไทยไปยังประเทศอื่นๆในอาเซียนแล้ว
สินค้าไทยที่เสียเปรียบด้านราคาเมื่อเทียบกับสินค้าจีนที่หลั่งไหลเข้ามา ประกอบด้วย สินค้าอิเล็กทรอนิกและเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้าและสิ่งทอ เครื่องจักร สินค้าอุปโภคบริโภค รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์
ดังนั้นปี 2557 จึงเป็นปีที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบธุรกิจชาวไทย โดยเฉพาะผู้ที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกับสินค้าที่จีนส่งออกมายังไทยและตลาดอาเซียน และเพื่อให้อยู่รอดได้ ผู้ประกอบธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับตัว โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพสินค้า