อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเมื่อเทียบกับหนึ่งปีที่ผ่านมา ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสามเดือนจนถึงเดือนมี.ค. ที่ระดับ -6.4 เพิ่มขึ้น 2.8 จุด และเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสามไตรมาส อันเนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ เช่น สถานการณ์รายได้ และสภาพธุรกิจของบริษัทที่ผู้บริโภคทำงานอยู่หรือบริหารงานอยู่
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในช่วงหนึ่งปีต่อจากนี้อยู่ที่ -16.5 ลดลง 2.5 จุด จากผลการสำรวจก่อนหน้านี้ในเดือนธ.ค.
สำหรับผลกระทบต่อการใช้จ่ายภายหลังการปรับขึ้นภาษีการบริโภคนั้น 69.6% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาวางแผนที่จะลดการใช้จ่ายลง ในขณะที่ 40.8% เผยว่า พวกเขาได้ใช้จ่ายหรือไม่ก็วางแผนที่จะใช้เงินซื้อสินค้าและบริการในช่วงก่อนขึ้นภาษี
สำหรับความเห็นเกี่ยวกับราคาสินค้าและบริการในอนาคต 79.9% มองว่าราคามีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากหรือเล็กน้อยในช่วงหนึ่งปีต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีหรือไม่ก็ตาม โดยลดลงจาก 80.9% จากการสำรวจในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ บีโอเจดำเนินการสำรวจความเห็นดังกล่าวในระหว่างวันที่ 6 ก.พ.-4มี.ค. จากตัวอย่างประชากร 4,000 คนที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป โดย 2,195 ราย หรือ 54.9% ในจำนวนนี้ได้ให้คำตอบที่สามารถนำมาใช้ในผลสำรวจได้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน