PwC คาดว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากช่องว่างระหว่างสัดส่วนการผิดนัดชำระหนี้โดยเฉลี่ยและสัดส่วน NPL โดยเฉลี่ยนั้นมีความห่างกันมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มความแตกต่างที่ต่อเนื่อง หลังจากที่สัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงมากกว่าสัดส่วนการผิดนัดชำระหนี้อย่างมาก
รายงานดังกล่าวระบุว่า ธนาคารจดทะเบียนขนาดใหญ่ 10 อันดับแรกมียอด NPL ที่ 4.494 แสนล้านหยวน ณ สิ้นปี 2556 ซึ่งเพิ่มขึ้น 19.47% จากสิ้นปี 2555 ขณะที่สัดส่วน NPL โดยเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 0.06% สู่ระดับ 0.99%
PwC ระบุว่า การปรับตัวขึ้นดังกล่าวบ่งชี้ว่า การชะลอตัวลงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร
ทั้งนี้ รายงานของ PwC ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของ NPL ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ซึ่งมียอด NPL พุ่งขึ้นถึง 30.9% จากปีที่ผ่านมา
เมื่อพิจารณาในภาคอุตสาหกรรม ผลการวิเคราะห์ของ PwC บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจที่มี NPL มากที่สุดจะกระจุกตัวอยู่ในภาคการผลิตและค้าปลีก
ส่วน NPL ในภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลง แต่การปล่อยเงินกู้ของธนาคารแก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และในปัจจุบัน ภาคธนาคารเงามีบทบาทอย่างมากในการระดมทุนของกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
นายเรย์มอน ยัง ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการเงินในจีนของ PwC กล่าวว่า “ในปี 2557 ภาคธนาคารจะยังคงเผชิญกับภาวะแวดล้อมทางการเงินที่ซับซ้อน ธนาคารต่างๆควรจะให้ความสำคัญกับผลกระทบของการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ย การเงินผ่านอินเตอร์เน็ต การรับประกันเงินฝาก และการเปิดธนาคารเอกชน" สำนักข่าวซินหัวรายงาน