รายงานระบุว่า ครอบครัวอเมริกันราว 64.8% หรือประมาณ 74.4 ล้านครัวเรือน เป็นเจ้าของบ้านที่กำลังอยู่อาศัยในไตรมาสแรกปีนี้ ลดลงจากระดับ 65.2% ณ สิ้นปี 2556 และเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2538 รวมทั้งได้ลดลงอย่างมากจากปี 2549 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่ 76.5 ล้านครัวเรือนหรือ 68.9%
สำนักงานระบุว่า สาเหตุที่สัดส่วนการเป็นเจ้าของบ้านลดลงอย่างต่อเนื่องมาจากภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้ครอบครัวอเมริกันหลายครอบครัวถูกยึดบ้านเนื่องจากราคาได้ปรับตัวลดลงและผลจากการทำสัญญาผ่อนซื้อที่ไม่ปกติ ซึ่งนำไปสู่ภาวะถดถอยในทั่วโลกและผลักดันให้อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขถึง 2 หลัก
การตกงานจากสาเหตุดังกล่าวนำไปสู่คลื่นลูกที่สองของการถูกยึดบ้าน ส่งผลให้จำนวนของผู้เป็นเจ้าของบ้านลดลง
แต่อย่างไรก็ดี สำนักงานระบุว่า ดูเหมือนว่าคนหนุ่มสาวจะย้ายออกจากครอบครัวไปเช่าบ้านอยู่เองเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยและสัดส่วนการเป็นเจ้าของบ้านในที่สุด