“ทางการโปรตุเกสได้กำหนดแนวทางที่แข็งแกร่งของการดำเนินนโยบายเพื่อจัดการกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่เรื้อรังของประเทศ นี่เป็นสัญญาณที่ดีขณะที่โปรตุเกสยุติแผนการสนับสนุนของอียู/ไอแอ็มเอฟ" นางลาการ์ดกล่าวในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง
“แม้ว่ายังคงมีความไม่แน่นอนและความท้าทายหลายประการ แต่ในขณะนี้ โปรตุเกสอยู่ในสถานภาพที่แข็งแกร่งในการที่จะเสริมความมั่นคงแก่ฐานะการเงินของรัฐบาลและปฏิรูปโครงสร้างในเชิงลึกต่อไปให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะมีความจำเป็นเพื่อบรรลุการสร้างงานและการขยายตัวอย่างยั่งยืน" ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟกล่าว
ทางด้านนายกรัฐมนตรีเปโดร ปาสซอส โคเอลโญของโปรตุเกส ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า โปรตุเกสจะยุติโครงการช่วยเหลือที่ทำไว้กับนานาประเทศ ซึ่งได้แก่ ธนาคารกลางยุโรป , กองทุนการเงินระหว่างประเทศและคณะกรรมาธิการยุโรป โดยไม่มีการขอวงเงินสำรองแต่อย่างใด และโปรตุเกสได้ฟื้นฟูศักยภาพด้านการระดมทุนในตลาดโลกอีกครั้ง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของโปรตุเกสได้ส่งสัญญาณการฟื้นตัวนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว หลังจากที่โปรตุเกสได้ลงนามในโครงการช่วยเหลือมูลค่า 7.8 หมื่นล้านยูโร (1.08 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) กับบรรดาผู้ปล่อยกู้ระหว่างประเทศเมื่อเดือนพ.ค.2554 และรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดเพื่อบรรลุเป้าหมายยอดขาดดุลที่กลุ่มเจ้าหนี้กำหนดไว้
รัฐบาลโปรตุเกสประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัว 1.2% ในปีนี้ และสัดส่วนยอดขาดดุลต่อจีดีพีจะลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4%