ทั้งนี้ ธนาคารโลก ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์การสหประชาชาติที่มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กและเป็นผู้ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสำหรับปีนี้ลงเหลือ 2.8% จากตัวเลขคาดการณ์เมื่อเดือนม.ค.ที่ 3.2%
นายคูชิค บาซู รองประธานอาวุโสและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกกล่าวว่า “เรายังไม่ได้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตอย่างสิ้นเชิง"
นายบาซูระบุว่า “การคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปและการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อฟื้นฟูการคลังได้หายไปเนื่องจากวิกฤตการเงินในปี 2551 โดยสรุปก็คือ นี่เป็นช่วงเวลาที่ต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือกับวิกฤตครั้งต่อไป"
ธนาคารโลกระบุว่า ธนาคารกำลังจับตาประเทศกานา อินเดีย เคนยา มาเลเซีย และแอฟริกาใต้เป็นพิเศษ พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศเหล่านี้คุมเข้มนโยบายการคลังและเร่งปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ในขณะที่ธนาคารได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาลงมาอยู่ที่ 4.8% สำหรับปีนี้ จากการประเมินไว้เมื่อเดือนม.ค.ที่ 5.3%
ธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 7.6% ในปีนี้ แต่จะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในความพยายามสร้างสมดุลของรัฐบาลจีนและจะส่งผลกระทบไปทั่วทั้งเอเชีย หากมีความวิตกเกี่ยวกับการทรุดตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจจีน
นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า “อัตราการขยายตัวของประเทศกำลังพัฒนายังคงต่ำกว่าที่จะสามารถสร้างตำแหน่งงานเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนยากจนที่สุด 40% แรกได้ ประเทศต่างๆต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วในการปฏิรูปเชิงโครงสร้างภายในประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวเป็นวงกว้างในระดับที่ขจัดความยากจนอย่างยิ่งได้"
ในขณะที่อังกฤษและสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและยกเลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารโลกเชื่อว่า ตลาดการเงินจะยังคงมีความไม่แน่นอนต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในอนาคต
ในขณะเดียวกัน ธนาคารได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐฏิจสหรัฐลงเหลือ 2.1% จากการประเมินครั้งก่อนที่ 2.8%