ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐกระเตื้องขึ้นในทุกภูมิภาคในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีความแข็งแกร่ง
--บรรดาผู้นำของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้ตัดสินใจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ในการประชุมคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหรัฐอเมริกา อันเนื่องมาจากมาตรการคลี่คลายวิกฤติยูเครนของรัสเซียนั้น ไม่เป็นที่น่าพอใจ
--เจ้าหน้าที่จากกลุ่มฮามาสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า กลุ่มฮามาสและกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ ยอมตกลงทำตามข้อเรียกร้องขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ต้องการให้มีการหยุดยิงปะทะกับอิสราเอลเป็นเวลา 5 ชั่วโมง
--กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า ชาวต่างชาติเพิ่มการถือครองพันธบัตรสหรัฐอย่างต่อเนื่องติดกันเป็นเดือนที่ 10 ในเดือนพ.ค. โดย 2 ประเทศรายใหญ่ที่ถือพันธบัตรสหรัฐมีสัดส่วนการถือครองเพิ่มขึ้น
--ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยว่า สัดส่วนของสกุลเงินยูโรในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศและบทบาทของสกุลเงินยูโรในฐานะสกุลเงินที่ใช้ระดมทุนในตลาดโลกนั้น เริ่มลดน้อยลง ถึงแม้ว่ายูโรโซนเป็นภูมิภาคที่สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในปี 2556 ได้มากกว่าในปีก่อนก็ตาม
--นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมจากสหรัฐจะผลักดันให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-รัสเซียถึง "ทางตัน"
--กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาซึ่งคิดโดยกลุ่ม BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและจะขับเคลื่อนการขยายตัวในระยะยาว
--นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แสดงความยินดีต่อการก่อตั้งกองทุนสำรองฉุกเฉินแห่งใหม่ของกลุ่มประเทศ BRICS โดยระบุว่า เธอจะทำงานร่วมกับประเทศสมาชิกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเสถียรภาพการเงินโลก
--ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอาจเปิดการเจรจานิวเคลียร์เพิ่มเติมร่วมกับรัฐบาลอิหร่าน หลังการบรรลุข้อตกลงครั้งก่อนหน้าไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งบ่งชี้ว่าการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้น อาจจะยังไม่มีความคืบหน้าเพียงพอที่จะสามารถบรรลุเงื่อนไขและข้อตกลงในระยะยาว ซึ่งจะครบกำหนดเส้นตายในวันที่ 20 ก.ค. นี้ได้