นายรอดเลอร์ซึ่งทำหน้าที่ในจีนหลายปี กล่าวว่า “เมื่อ 10-15 ปีก่อน จีดีพีของจีนต้องขยายตัว 1.4% เพื่อสร้างงานให้ได้ 1 ล้านตำแหน่ง เมื่อ 5-10 ปีที่ผ่านมา จีนต้องการจีดีพีขยายตัวเพียง 1% และปัจจุบันจีนต้องการเพียง 0.8%" พร้อมกับเสริมว่า ตลาดโลกไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงมาอยู่ระดับปานกลางของเศรษฐกิจจีน
“เราเห็นการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างที่สำคัญนับตั้งแต่เศรษฐกิจที่อิงภาคอุตสาหกรรมไปจนถึงเศรษฐกิจภาคบริการ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เราเห็นการบริโภคเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 9-10% ทุกๆปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพีเล็กน้อย" รอดเลอร์กล่าวเสริม
นายรอดเลอร์ระบุว่า ผลลัพธ์มีความแตกต่างกันสำหรับการปรับสมดุลทางเศรษฐกิจของจีน ในขณะที่ต่างประเทศขาดความอดทนกับวาระการปฏิรูปเศรษฐกิจที่อิงกับตลาดของจีน เรื่องดังกล่าวไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทันทีเพียงชั่วข้ามคืน
“จีนมีความคืบหน้าที่ค่อนข้างจะมีนัยสำคัญในเรื่องของการปรับสมดุล อย่าลืมว่าจีนมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงกว่า 10% ของจีดีพีเมื่อเพียง 5-7 ปีที่ผ่านมา และปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2% อันเนื่องมาจากการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และการชะลอตัวของดีมานด์การส่งออก" เขากล่าว
อย่างไรก็ดี นายรอดเลอร์ชี้ว่า การลงทุนยังคงมีสัดส่วนเกือบ 50% ของการขยายตัวของจีดีพีของจีน และสัดส่วนดังกล่าวอาจจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 30% การลงทุนควรจะเปลี่ยนจากการผลักดันโดยรัฐบาลไปสู่การผลักดันโดยเอกชนที่มีขอบเขตเล็กลงและให้บริการมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน