กฎระเบียบใหม่นี้ระบุว่า บริษัทที่ต้องการย้ายฐานธุรกิจไปยังต่างประเทศนั้น จะไม่สามารถนำเงินผลประกอบการของบริษัทลูกในต่างประเทศมาใช้โดยไม่ได้ชำระภาษี ขณะเดียวกันกฎระเบียบดังกล่าวจะยับยั้งไม่ให้บริษัทเอกชนมีช่องทางเข้าถึงรายได้จากบริษัทลูกในต่างประเทศโดยไม่จ่ายภาษีให้กับสหรัฐ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อ hopscotch ซึ่งเป็นกระบวนการที่บริษัทโยกย้ายรายได้โดยการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทแม่ใหม่ในต่างประเทศ
นอกจากนี้ กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดไม่ให้บริษัทสหรัฐแยกบริษัทออกไปเป็นบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ กฎระเบียบใหม่จะมีผลบังคับใช้ในทันที และมีผลกับข้อตกลงทั้งหมดที่ยังไม่สิ้นสุดภายในวันจันทร์ที่ 22 ก.ย.
ทางด้านนายเจค็อบ ลิว รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า กฎระเบียบใหม่นี้จะช่วยปิดช่องโหว่ในกฎหมายภาษีของสหรัฐ โดยในปัจจุบันนั้น เมื่อบริษัทสัญชาติอเมริกันได้เข้าซื้อกิจการของบริษัทต่างชาติ ก็สามารถโยกย้ายสัญชาติและสำนักงานใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลสหรัฐ แต่ยังดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ภายในสหรัฐ ซึ่งกฎระเบียบใหม่นี้จะทำให้กระบวนการลดค่าใช้จ่ายภาษีในลักษณะดังกล่าวทำได้ยากขึ้น และมีกำไรน้อยลง อีกทั้งจะลดทอนความน่าดึงดูดใจของกระบวนการดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการใหม่นี้อาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐ 8 แห่งที่กำลังอยู่ระหว่างการควบรวมกิจการ ซึ้งรวมถึงแผนการควบรวมกิจการของ เบอร์เกอร์คิง เวิลด์ไวด์ และเชนกาแฟและโดนัท ทิม ฮอร์ตันส์ ของแคนาดา, บริษัทเมดโทรนิก ที่กำลังยื่นขอซื้อกิจการบริษัทโควีเดียน ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์จากไอร์แลนด์, บริษัทเซลิกซ์ ฟาร์มาซูติคอลส์ ที่กำลังเจรจาซื้อกิจการบริษัทคอสโม ฟาร์มาซูติคอลส์ของอิตาลี ตลอดจนการควบรวมกิจการของบริษัทผู้ผลิตและส่งออกผลไม้ ชิควีต้า แบรนด์ส อินเตอร์เนชันแนล และไฟฟ์เฟส ของไอร์แลนด์