รายงานระบุว่า บริษัทเอกชนของจีนได้ทำธุรกรรม M&A จำนวน 120 รายการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 เท่าของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และส่งผลให้ภาคเอกชนจีนกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในตลาด M&Aในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ มูลค่าการควบรวมกิจการในต่างประเทศทั้งหมดของบริษัทสัญชาติจีนอยู่ที่ 4.08 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในจำนวนนี้ประกอบด้วยการทำธุรกรรมควบรวมกิจการที่มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 14 รายการ
มูลค่าการทำสัญญาควบรวมและซื้อกิจการของบริษัทจีนพุ่งขึ้นมากกว่า 120% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าดังกล่าวของรัฐวิสาหกิจจีนลดลงเป็นครั้งแรก โดยปรับตัวลง 37%
“ขณะที่บริษัทเอกชนเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เราก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่า ภาคเอกชนจีนกำลังแสวงหาความหลากหลายในการควบรวมกิจการต่างประเทศ" แอนดรูว์ หลี่ หัวหน้าฝ่ายบริการให้คำปรึกษาของ PwC ในจีนกล่าว
หลี่ยังเสริมว่า “บริษัทจีนโดยเฉพาะธุรกิจเอกชนกำลังมองหาเป้าหมายในการควบรวมกิจการที่มีคุณภาพในอเมริกาเหนือ และยุโรป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีล้ำสมัย ทรัพย์สินทางปัญญา และแบรนด์ดังๆให้ชาวจีนได้รู้จัก"
ในขณะเดียวกัน บริษัทเหล่านั้นก็ได้โยกย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังประเทศอื่นๆในเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
เนื่องจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัว PwC จึงคาดการณ์ว่า ในปี 2558 บริษัทจีนจะดำเนินการควบรวม และซื้อกิจการในต่างประเทศอย่างแข็งขันจนกลายเป็นเรื่องปกติ" สำนักข่าวซินหัวรายงาน