สำหรับถ้อยแถลงของนายบันมีขึ้นในการประชุมวาระพิเศษของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) ว่าด้วยภัยคุกคามของอีโบลาต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของยูเอ็นในนิวยอร์ค
เลขาธิการยูเอ็นระบุว่า เศรษญกิจของทั้ง 3 ประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยเฟื่องฟู กำลังชะลอตัวลง โดยข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่าก่อนหน้านี้เศรษฐกิจของทั้ง 3 ประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้าจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2557 เศรษฐกิจไลบีเรียจะขยายตัว 2.2% เมื่อเทียบกับ 5.9% ที่คาดการณ์ก่อนการแพร่ระบาดของอีโบลา และเมื่อเทียบกับ 2.5% ที่คาดการณ์ในเดือนต.ค. เซียร์ราลีโอน คาดว่าจะขยายตัว 4% เมื่อเทียบกับ 11.3% ก่อนการแพร่ระบาด และ 8% ในเดือนต.ค. ส่วนกินีคาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.5% เมื่อเทียบกับ 4.5% ก่อนวิกฤตอีโบลา และ 2.4% ที่คาดการณ์ในเดือนต.ค.
ผู้นำยูเอ็นกล่าวว่า ไวรัสอีโบลาคร่าชีวิตไปแล้วกว่า 6,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากระบบสาธารณสุขที่ล้มเหลวนั้น มีมากกว่านั้นมาก อีโบลายังทำให้การศึกษา เกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการค้าของประเทศเหล่านี้หยุดชะงัก ครอบครัวสูญเสียรายได้ เด็กกว่า 3,300 คนต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า อีโบจึงมีผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจในเชิงกว้างและลึก และจะปรากฎอยู่นานกว่าการแพร่ระบาดของอีโบลา
"ประชาชนและรัฐบาลแห่งกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แต่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ยอดเยี่ยม" นายบันกล่าวว่า "เขาเหล่านี้กำลังพึงพาประชาคมโลกในการขจัดการแพร่ระบาดของอีโบลาและในการสนับสนุนให้ฟื้นคืนสภาพโดยสมบูรณ์" นายบันกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน