นายมิไลออส ยังระบุว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องวิตกต่อการที่กรีซจะประสบภาวะล้มละลาย หรือออกจากยูโรโซน
ผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบว่า พรรคไซรีซา ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านและต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด มีคะแนนนำทิ้งห่างมากขึ้นต่อพรรคนิวเดโมเครซี (ND) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ก่อนที่การเลือกตั้งทั่วประเทศของกรีซจะมีขึ้นในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ทั้งนี้ ผลการสำรวจระบุว่า พรรคไซรีซามีคะแนน 33.1% เหนือกว่าพรรค ND ซึ่งได้ไปเพียง 28.5% โดยมีช่องว่างห่างกันมากถึง 4.6% จากเดิมที่มีเพียง 3.5% สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทางการเมืองของกรีซยังคงเป็นที่จับตาของนักลงทุนในตลาดการเงิน เนื่องจากการเลือกตั้งในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ถือเป็นการชี้ชะตาว่ากรีซจะสามารถรักษาสถานภาพการเป็นสมาชิกยูโรโซนต่อไปได้หรือไม่ ขณะที่ผลการสำรวจจากหลายสำนัก รวมถึงสถานีโทรทัศน์เมก้า, หนังสือพิมพ์พอนทิกิ, เมตรอน อนาไลซิส และวีมา ทรีบูน ต่างก็ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า พรรคไซรีซามีคะแนนนำเหนือพรรครัฐบาลของนายอันโตนิโอ ซามาราส
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองมองว่า หากพรรคไซรีซาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ก็อาจจะทำให้หัวหน้าพรรคคือนายอเล็กซิส ซิปราส เดินหน้าคัดค้านการใช้มาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนีเพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือกรีซ ซึ่งความแข็งกร้าวของนายซิปราสอาจจะส่งผลให้กรีซเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้กรีซต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซนในที่สุด
นายปีเตอร์ โบฟิงเกอร์ สมาชิกคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเยอรมนี เตือนว่า หากกรีซพ้นจากสถานะประเทศสมาชิกยูโรโซนก็เท่ากับเป็นการบั่นทอนเสถียรภาพของยูโรโซน เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีผลกระทบกับประเทศอื่นๆ แต่การควบคุมผลกระทบที่ตามมานั้น จะเป็นไปอย่างยากลำบากมาก
ขณะที่นายฮันส์ เวอร์เนอร์ ซินน์ ผู้อำนวยการสถาบันของ Ifo ของเยอรมนี ได้แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันของกรีซมีความแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันกรีซไม่มีศักยภาพด้านการแข่งขันและไม่อยู่ในสถานะที่จะสามารถชำระหนี้ได้ จึงต้องมีการเจรจาเพื่อลดหนี้ ดังนั้นหากการเมืองของกรีซเปลี่ยนขั้ว ก็อาจทำให้กรีซต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศยูโรโซน