ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวระบุว่า จะมีการจัดเก็บภาษี 0.07% ต่อหนี้สินของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2016 และถ้าสถาบันการเงินใดมีสินทรัพย์ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็จะไม่เข้าข่ายถูกเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
ทำเนียบขาวระบุว่า การเก็บภาษีหนี้สินของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ราว 100 แห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคาร, ผู้จัดการสินทรัพย์, โบรกเกอร์ และดีลเลอร์ จะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการก่อหนี้ลง และจะทำให้รัฐบาลสามารถระดมเงินทุนได้ราว 1.12 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 10 ปีเพื่อนำไปใช้จ่ายในโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน ซึ่งได้แก่การลดหย่อนภาษีสำหรับคนงานที่มีรายได้ปานกลาง
ปธน.โอบามายื่นงบประมาณวงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่สภาคองเกรสในวันนี้ โดยหวังที่จะเพิ่มการจัดเก็บภาษีจากคนรวยและภาคธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มการใช้จ่ายภายในประเทศ
การยื่นงบประมาณดังกล่าวของปธน.โอบามาคาดว่าจะสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่กับสภาคองเกรสที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และมีนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจ โดยทางพรรคกล่าวหาปธน.โอบามาว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความเสี่ยงจากการขึ้นภาษี และเพิ่มการใช้จ่าย โดยละเลยการแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของงบประมาณ ซึ่งก็คือ การใช้จ่ายของรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากโครงการสวัสดิการของรัฐบาล
ทั้งนี้ ปธน.โอบามาต้องการเพิ่มการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยนำรายได้มาจากการเก็บภาษีต่อกำไรของบริษัทสหรัฐที่ดำเนินกิจการในต่างประเทศ
งบประมาณดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่เดือนต.ค. จะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐขาดดุล 4.74 แสนล้านดอลลาร์