รายงานของกระทรวงระบุว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุดได้ปรับลดยอดการถือครองลง 5.2 พันล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1.2386 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศผู้ถือครองพันธบัตรรายใหญ่เป็นอันดับสองมียอดการถือครองเพิ่มขึ้น 7.7 พันล้านดอลลาร์ แตะที่ 1.2386 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ จีนมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 แตะที่ 9.12 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับ 9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินทุนไหลออกจากประเทศเป็นจำนวนมาก อันเนื่องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลง
รายงานของสำนักงานปริวรรตเงินตราจีน (SAFE) ระบุว่า การที่จีนปรับกลไกอัตราแลกเปลี่ยนให้อิงกับตลาดมากขึ้นนั้น ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าและเงินทุนไหลออกนอกประเทศ ปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์บางรายระบุว่า จีนปรับลดการซื้อทรัพย์สินในรูปสกุลเงินดอลลาร์ลงควบคู่ไปกับการชะลอการเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราของประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน