ประธานธนาคารโลกมองว่า ธนาคารระดับพหุภาคีรายใหม่ดังกล่าวจะสามารถทำหน้าที่เป็นเป็นสะพานเชื่อมต่อช่องว่างด้านการระมทุนในหลายๆด้าน เช่น สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน พลังงานและน้ำ
เขากล่าวว่า "เราคาดว่าโลกจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มราว 1-1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละปีเพื่อนำไปลงทุนในภาคโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน ทางรถไฟ ท่าอากาศยาน และโรงไฟฟ้า โดยภายในปี 2573 เรามีแนวโน้มว่าจะจำเป็นต้องใช้พลังงานเพิ่มอีก 40% ขณะที่มีทรัพยากรน้ำลดลงถึง 40% ซึ่งอาจย่ำแย่ลงกว่าเดิมเนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ"
ท่ามกลางบรรยากาศที่เหมาะสม ตลอดจนมีมาตรฐานด้านแรงงานและการจัดหาที่ดี ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งใหม่ดังกล่าวนับว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นกลไกขับเคลื่อนใหม่ๆที่สำคัญ สู่การพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยากจนในตลาดเกิดใหม่
ทั้งนี้ นายคิมกล่าวเสริมว่า ทางธนาคารโลกจะหารือกับเจ้าหน้าที่จีนและชาติอื่นๆ ในเรื่องของความร่วมมือระหว่างธนาคารโลกและ AIIB ในการประชุมประจำฤดูใบไม้ผลิในสัปดาห์หน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน