ในรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและเศรษฐกิจระดับนานาชาติที่ยื่นต่อสภาคองเกรสนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ญี่ปุ่นอย่าพยายามลดหนี้สินภาครัฐอย่างรีบร้อนเกินไปนัก แต่ควรสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างมั่นคง
กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า "เศรษฐกิจโลกไม่ควรกลับมาพึ่งพาสหรัฐเป็นกลไกขับเคลื่อนอุปสงค์เพียงประเทศเดียว" และเสริมว่า ประเทศอื่นๆ ควรงัดมาตรการทั้งหมดมาใช้ ซึ่งรวมถึงมาตรการกระตุ้นทางการคลัง นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และการปฎิรูปเชิงโครงสร้าง
"แนวทางที่สมดุลในนโยบายเศรษฐกิจมหภาคนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีอุปทานมาก โดยเฉพาะเยอรมนี จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้" ซึ่งสอดคล้องกับฉันทามติที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรม G7 และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา G20 ได้เห็นชอบร่วมกัน
กระทรวงการคลังสหรัฐเตือนญี่ปุ่นว่า อุปสงค์ภายในประเทศของญี่ปุ่นกำลังอ่อนแอ และรัฐบาลควรใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลัง นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า "การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีความสมดุลและยั่งยืน"
อย่างไรก็ดี การพึ่งพานโยบายการเงินมากเกินไป "จะทำให้การฟื้นตัวของญี่ปุ่น และการหลีกหนีจากภาวะเงินฝืดอยู่ในภาวะเสี่ยง และอาจก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบ"
ทั้งนี้ หนี้สินภาครัฐของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะที่เกือบ 1,000 ล้านล้านเยน ซึ่งสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ประมาณ 2 เท่า แต่กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า เป้าหมายการลดยอดขาดดุล "ควรมีความยืดหยุ่นเพียงพอในการรับมือกับอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างอ่อนแรง"
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐเสริมว่า สกุลเงินหยวนของจีนมีมูลค่าต่ำเกินไปอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี สหรัฐไม่ได้ระบุว่าจีนเป็นผู้ปั่นสกุลเงิน ขณะเดียวกัน สหรัฐยังได้เรียกร้องให้เกาหลีใต้ลดการแทรงแซงในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ โดยระบุว่าว่าเกาหลีใต้ควร "ปล่อยให้เงินวอนแข็งค่าขึ้น" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน