นายโฮเซ ไวนอลส์ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดเงินและตลาดทุนของไอเอ็มเอฟกล่าวในงานแถลงข่าวรายงาน Global Financial Stability Report ว่า "การที่ประเทศทั่วโลกมีนโยบายการเงินและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันนั้น ได้เพิ่มความตึงเครียดในตลาดการเงินโลก และทำให้อัตราแลกเปลี่ยนตกอยู่ในภาวะผันผวนในตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา"
"ความเสี่ยงก็มีการหมุนเวียนเช่นเดียวกัน จากภาคธนาคารไปสู่ธนาคารเงา จากความสามารถในการชำระเงินไปสู่ความเสี่ยงทางสภาพคล่องในตลาด และจากประเทศอุตสาหกรรมไปสู่ตลาดเกิดใหม่" นายไวนอลส์ระบุ
ทั้งนี้ IMF แนะนำว่า ธนาคารกลางของประเทศอุตสาหกรรมควรเพิ่มศักยภาพของนโยบายการเงิน ควบคู่ไปกับการจัดการที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ "
การดำเนินการของธนาคารกลางจะต้องช่วยเสริมนโยบายอื่นๆ หากไม่เป็นเช่นนั้นนโยบายการเงินจะบรรลุวัตถุประสงค์อย่างไร้ประสิทธิภาพ" นายไวนอลส์กล่าว "สิ่งที่จำเป็นก็คือการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และนโยบายอื่นๆ"
นอกจากนี้ IMF ยังแนะนำให้มีการรักษาเสถียรภาพในตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งแก้ปัญหาความเสี่ยงทางการเมืองในภูมิภาค การจัดการกับสภาพคล่องในตลาดที่ไม่ตรงกับความจริง และการจำกัดเม็ดเงินที่สูงเกินไป อันเป็นผลมาจากการผ่อนคลายในโบายการเงินขนานใหญ่
ในรายงานดังกล่าวนี้ IMF ยังได้เตือนธนาคารกลางสหรัฐถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก โดยคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตการเงินนั้น จะสร้างความผันผวนในตลาดการเงินและจะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นอย่างมาก สำนักข่าวซินหัวรายงาน