ปลัดกระทรวงการคลังของเนปาลกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Republica ว่า "ยังเร็วเกินไปที่จะคำนวณความเสียหายและผลกระทบของแผ่นดินไหวที่มีต่อเศรษฐกิจได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อย่างไรก็ตาม คงเป็นเรื่องยากที่เราจะบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เราได้กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะลดลงจากอัตราที่คาดการณ์ไว้"
ทั้งนี้ เนปาลได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 4.5% ในปีงบการเงิน 2557/2558
ทันทีหลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ปรับทบทวนการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเนปาลเป็น 4.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 4.6%
"ภาคบริการ ซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยวและการโรงแรม มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากเหตุแผ่นดินไหว สองเดือนที่เหลือนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อเป้าหมายการขยายตัว นั่นหมายความว่าการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจในช่วงสองเดือนที่เหลือนี้จะเป็นเรื่องยาก"
เช่นเดียวกับเงินเฟ้อ คาดว่าจะสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาล โดยในการคาดการณ์การขยายตัวสำหรับปีงบประมาณ 2557/2558 รัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะควบคุมเงินเฟ้อต่ำกว่า 8%
กระทรวงการคลังประมาณการว่า แผ่นดินไหวและการไหลของเงิน รวมถึงปริมาณเงินตึงตัวจะทำให้เงินเฟ้อสูงกว่า 8%
ในส่วนของยอดขาดดุลงบประมาณซึ่งอยู่ในระดับสูงมากอยู่แล้ว คาดว่าจะขยายตัวขึ้นอีกในปีงบประมาณปัจจุบัน เนื่องจากการผลิตและการเกษตรจะปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากผลพวงของแผ่นดินไหว โดยการชะลอตัวของอุตสาหกรรมการผลิต ปศุสัตว์ที่ล้มตาย และพื้นที่เพาะปลูกมีแนวโน้มที่จะทำให้การนำเข้าพุ่งสูงขึ้น ขณะที่กระทบต่อการส่งออก ส่งผลให้ยอดขาดดุลการค้าเพิ่มสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเนปาลเผยว่า การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณปัจจุบันจะเป็นไปอย่างยากลำบากเช่นกัน